นายพชร อารยะการกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (BBIK) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า แผนงานที่วางไว้ในปีนี้ หลังจากนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) คือ เน้นธุรกิจหลักให้เติบโตในระดับสูงต่อเนื่อง 1-2 ปี โดยจะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปใช้รองรับธุรกิจที่เติบโต เน้นเพิ่มบุคลากร พัฒนาทักษะด้านเทคโนโลยี และวางแผนพัฒนาศูนย์การพัฒนาทักษะ
นอกจากนั้น จะพัฒนาผลิตภัณฑ์ด้านเทคโนโลยี เพื่อให้บริการซอฟต์แวร์ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต ซึ่งปัจจุบันเป็นบริษัทที่อยู่ใน SET50 และ SET100, จัดตั้งศูนย์วิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์, เสริมสร้างศักยภาพการบริหารจัดการภายในจากการยกระดับระบบซอฟต์แวร์เพื่อรองรับการเติบโตขององค์กร, ขยายพื้นที่สำนักงานเพื่อรองรับการเพิ่มขึ้นของบุคลากร อีกทั้งลงทุนในธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวเนื่อง และเสริมศักยภาพด้านเงินทุนหมุนเวียน หลังจากที่ผ่านมามีหลายธุรกิจได้นำเทคโนโลยี และกลยุทธ์ทางดิจิทัลเข้ามาใช้ในการดำเนินธุรกิจ
บริษัทฯ ยังมีแผนลงทุน โดยการร่วมทุน หาพาร์ทเนอร์และซื้อกิจการ ที่จะสามารถลงทุนและเติบโตไปพร้อมกัน รวมถึงหาธุรกิจที่สอดคล้องกันเพื่อนำมาให้บริการแก่ลูกค้าของบริษัท และธุรกิจใหม่ที่จะช่วยเสริมบริการให้ดีขึ้น และประหยัดต้นทุนอีกด้วย และจะขยายธุรกิจในต่างประเทศ โดยจับมือกับพันธมิตรต่างชาติเข้าไปลงทุนในตลาดประเทศ อื่นๆ โดยเฉพาะกลุ่มประเทศภูมิภาคตะวันออกเฉียงใต้ที่ยังมีโอกาสการเติบโตของธุรกิจดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันอีกมาก คาดว่า จะเห็นความชัดเจนใน 3-5 ปีข้างหน้า
“แนวโน้มผลการดำเนินงานปี 2464 คาดว่า กำไรสุทธิจะเติบโตกว่าปี 2563 ที่่อยู่ที่ 44 ล้านบาท จากครึ่งปีแรกที่ทำได้ 30 ล้านบาท ส่วนปี 2565 มองว่า จะโตไม่ต่ำกว่าปีนี้แน่นอนจากฐานลูกค้าที่ใหญ่ขึ้นและจะเริ่มรับรู้รายได้จากบริษัท ออร์บิท ดิจิทัล จำกัด (ORBIT) ที่ร่วมทุนกับบริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) (OR) ที่่จะเข้ามาช่วงปลายปีนี้”
หน้า 13 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 41 ฉบับที่ 3,720 วันที่ 7 - 9 ตุลาคม พ.ศ. 2564