ข่าวการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาการเปิดคาสิโนของสภาผู้แทนราษฎรเมื่อเร็ว ๆ นี้ดูเหมือนว่าจะ “ไม่ร้อนแรง” เท่าไรเมื่อเทียบกับอดีตย้อนหลังไปน่าจะเป็นหลายสิบปีที่มีความพยายามจะจัดตั้งคาสิโนถูกกฎหมายในประเทศไทย ซึ่งทุกครั้งก็จะถูกต่อต้านจากกลุ่มบุคคลหลายฝ่ายจนรัฐบาลต้องถอยไปทุกครั้ง เหตุผลนั้น ผมคิดว่าคนไทยทุกวันนี้อาจจะไม่ได้สนใจการเข้าไปเล่นการพนันถูกกฎหมายแบบในอดีตมากมายแล้ว สังคมไทยในปัจจุบันนั้น ผู้คนสามารถเล่นการพนันแบบ “ไม่ผิดกฎหมาย” หรือตำรวจไม่สามารถจับได้อย่างมากมายตั้งแต่การเล่นหุ้นปั่น พนันฟุตบอล เล่น “พนันออนไลน์” แบบเกมในคาสิโนสารพัดชนิด และสิ่งที่ผมคิดว่าเป็นการพนันในยุคโควิด-19 ที่กำลังได้รับความนิยมอย่าง “บ้าคลั่ง” ก็คือ การเล่นเหรียญคริปโตสารพัดชนิดที่มีคน “เปิดพอร์ต” หรือเล่นกันมากกว่า 1.7 ล้านบัญชีและมีเงินที่เข้าไปซื้อขายหรือ “เล่น” แต่ละวันเป็นหลายพันหรือถึงกว่าหมื่นล้านบาท ซึ่งในความคิดหรือความรู้สึกของผมก็คือ นี่คือ “การพนัน” แบบไม่ผิดกฎหมาย ดังนั้น “นักพนัน” ที่ไหนจะสนใจคาสิโน? ที่ผมกำลังคิดว่าอาจจะอยู่ในช่วงที่จะถูก Disrupt หรือถูกทำลายในเร็ว ๆ นี้
คนจำนวนมากอาจจะบอกว่าการซื้อขายคริปโตหรือเหรียญต่าง ๆ นั้นไม่ใช่การพนันแต่เป็นการลงทุนในธุรกิจหรือในทรัพย์สินดิจิทัลที่กำลัง “เปลี่ยนโลก” ซึ่งเป็นภารกิจที่ยิ่งใหญ่ของมนุษยชาติ จะเรียกว่าเป็นการพนันที่ไม่ได้ก่อให้เกิดสิ่งดี ๆ ได้อย่างไร ข้อนี้ผมคงไม่เถียง ว่าที่จริงผมก็ไม่รู้ว่าคริปโตตัวไหนจะเป็นสิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงโลกให้ดีขึ้น ผมเพียงแต่รู้ว่าคริปโตส่วนใหญ่นั้นในที่สุดก็คงจะ “เจ๊ง” ไป คืออาจจะแทบไม่มีค่า ราคาตกลงไปใกล้ศูนย์บาท คริปโตบางตัวซึ่งน่าจะมีจำนวนน้อยมากก็อาจจะยังมีค่ามหาศาลเพราะมีคนใช้ประโยชน์ได้จำนวนมากในอนาคต แต่สิ่งที่ผมไม่รู้อีกอย่างหนึ่งก็คือ มันจะมีค่ามากกว่าราคาในวันนี้หรือไม่ พูดง่าย ๆ ก็คือ ถ้าเราลงทุน เราอาจจะไม่สามารถคาดการณ์ได้อย่างมีโอกาสถูกต้องสูงว่าคริปโตตัวไหนจะขึ้นหรือลงในระยะยาว สิ่งที่เราเห็นในปัจจุบันก็คือ ราคาของคริปโตส่วนใหญ่จะขึ้นลงรุนแรงและเร็วมากขนาดที่ว่าภายในเวลาเพียง 2-3 เดือน ราคาอาจจะขึ้นได้เป็น 100% หรือลงมา 50% ได้ ดังนั้น คนที่เข้าไปซื้อขายแบบ “เทรด” อาจจะขาดทุนและกำไรได้มหาศาลเช่นเดียวกับ “การพนัน” อย่างอื่นที่ไม่ได้ก่อให้เกิดสิ่งดี ๆ แก่โลกเลย
มุมมองของผมเองในฐานะของ “VI” นั้น นิยามเรื่องการลงทุนของผมก็ตามสิ่งที่ เบน เกรแฮม “บิดาแห่ง VI” บอกก็คือ “การลงทุนคือกิจกรรมที่เมื่อผ่านการวิเคราะห์อย่างถี่ถ้วนแล้วจะสามารถรับประกันถึงความปลอดภัยของเงินต้นและผลตอบแทนที่น่าพึงพอใจ อะไรก็ตามที่ไม่เข้าเกณฑ์นี้ก็คือการเก็งกำไร”
นอกจากนิยามนี้แล้ว ต่อมาก็มีนักคิดอย่าง จอห์น โบเกิล “บิดาแห่งกองทุนอิงดัชนี” ที่บอกว่าการแยกแยะระหว่างการลงทุนและการเก็งกำไรน่าจะดูระยะเวลาของการลงทุนเป็นหลักด้วย โดยที่การลงทุนระยะสั้นก็คือการเก็งกำไรและการลงทุนระยะยาวก็คือการลงทุน ซึ่งก็แน่นอนว่า เขาบอกว่าเราควรลงทุนมากกว่าเก็งกำไร โดยเฉพาะการลงทุนในกองทุนรวมอิงดัชนีที่ซื้อแล้วถือยาวและทยอยซื้อตลอดช่วงเวลาด้วยวิธีการ “Dollar Cost Average” ซึ่งจะ “การันตี” ว่าได้ผลตอบแทนที่ดีในระยะยาวอย่างแน่นอน
ผมเองเชื่อในหลักการของทั้งสองกูรูข้างต้น นั่นก็คือ การลงทุนนั้นเราต้องคิดและประเมินได้ในระดับที่มีความมั่นใจสูง ในขณะเดียวกัน เชื่อว่าในช่วงระยะเวลาอันสั้นนั้น ตลาดมีความผันผวนสูง ราคาหุ้นอาจจะไม่สะท้อนพื้นฐานเลย ดังนั้น ถ้าจะลงทุนจะต้อง “มองยาว” และก็มักจะต้องถือยาว การซื้อแล้วตัดสินใจขายในเวลาอันสั้นนั้นต้องเป็นกรณีพิเศษจริง ๆ และโอกาสผิดพลาดก็มักจะสูง เพราะนั่นคือการ “เก็งกำไร” ส่วนเรื่องที่ว่าเวลายาวเท่าไรถึงจะเป็นการลงทุนหรือสั้นแค่ไหนถึงจะเป็นการเก็งกำไรนั้นก็เป็นเรื่องของ “ดีกรี” ที่แต่ละคนก็คงนิยามไม่เหมือนกัน แต่สำหรับแต่ละคนแล้ว ยิ่งถือสั้นก็คือเก็งกำไรมาก ถือยาวมากขึ้นเท่าไรก็จะเป็นการลงทุนมากขึ้นเท่านั้น
“การพนัน” นั้น สำหรับผมมันก็คือการเก็งกำไรในรูปแบบที่สูงที่สุด การวิเคราะห์และการประเมินมีโอกาสผิดพลาดมากที่สุด เพราะบ่อยครั้งมันเป็นการประเมิน “แข่ง” กับคนอื่นหรือคือเล่นกับคนอื่นที่อยู่ฝ่ายตรงข้าม นอกจากนั้น ยังมักจะขึ้นอยู่กับปัจจัยที่อยู่เหนือการควบคุมและเกี่ยวกับ “โชค” ของแต่ละคนด้วย นอกจากเรื่องของการวิเคราะห์แล้ว การพนันก็มักจะมีความผันผวนของผลตอบแทนที่สูงมากถึงสูงที่สุด เวลาได้อาจจะได้มากเป็นหลาย ๆ เท่า แต่เวลาเสียก็อาจจะเสียหมดในเวลาอันสั้น ที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือ การพนันนั้น มักจะมี “เจ้ามือ” ที่จะมี “แต้มต่อ” ที่ได้เปรียบคนเล่นอื่นซึ่งในระยะยาวแล้วก็มักจะได้กำไรมากกว่า “คนเล่น” อย่างแน่นอน
ข้อสรุปก็คือ การลงทุนในทรัพย์สินอะไรก็ตาม เราก็ควรจะต้องวิเคราะห์และเข้าใจว่าเรากำลังลงทุน เก็งกำไร หรือกำลังเล่นการพนัน โดยการวิเคราะห์สิ่งนั้นอย่างถี่ถ้วนรวมถึงประวัติการซื้อขายและราคาของหลักทรัพย์นั้น ถ้าดูแล้วเราสามารถเห็นพื้นฐานของการเติบโตของผลประกอบการหรือเห็นพื้นฐานในแง่ของการเป็นเครื่องมือหรือทรัพย์สินที่คนต้องการใช้ในอนาคตอย่างชัดเจนและสามารถนำมาประเมิน “มูลค่า” ที่แท้จริงของมันได้อย่างค่อนข้างเที่ยงตรงและมีความมั่นใจสูงว่ามูลค่านั้นสูงกว่าราคาปัจจุบันมากพอสมควร แบบนี้เราก็อาจจะบอกว่านี่เป็น “การลงทุน” และถ้าถือยาว ก็มีโอกาสสูงที่เราจะได้รับผลตอบแทนที่น่าพอใจ
ถ้าพบว่าความแน่นอนในการคาดการณ์หรือประเมินของเรานั้นต่ำ โอกาสผิดพลาดสูง แต่ถ้าถูกต้อง มูลค่าของกิจการหรือทรัพย์สินนั้นก็อาจจะสูงมาก ถ้าเราเข้าไปลงทุนก็อาจจะรวยไปเลย หรือแม้ว่าเราอาจจะประเมินไม่เป็นเลยหรือไม่รู้ว่าจะถูกต้องแม่นยำแค่ไหน แต่เราคิดว่ามีคน “เชื่อ” ว่า กิจการหรือทรัพย์สินนั้นจะต้องดี เป็นหรือจะมี “อนาคต” ที่สดใสมาก และดังนั้น พวกเขาก็จะเข้ามาซื้อและทำให้ราคาสูงขึ้นไปอีกมาก ดังนั้น เราก็ควรจะเข้าไปซื้อก่อนและรอขายให้กับคนที่จะเข้ามาซื้อต่อ แบบนี้ก็จะเป็นการ “เก็งกำไร” ซึ่งก็มักจะซื้อแล้วก็ขายในระยะเวลาอันสั้น เมื่อ “ได้กำไร” ทำให้ราคาขึ้นลงผันผวนมาก ว่าที่จริงหุ้นหรือทรัพย์สิน “เก็งกำไร” ก็มักมีพฤติกรรมราคาแบบนี้ คือขึ้นลงมากเป็นรอบ ๆ และมีคนเข้ามาซื้อขายมากมายในแต่ละวัน ถ้าเราจะเล่น มีอะไรที่คนอื่นไม่รู้หรือไม่คิด เรามีความได้เปรียบคนอื่นอย่างไรเช่น เรามีกลุ่มหรือแก๊งที่ช่วยกันลากราคาหรือ “Corner” หุ้นได้ไหม? เป็นต้น
ในหลายกรณีซึ่งรวมถึงการซื้อขายเหรียญคริปโตนั้น ความไม่แน่นอนจะสูงมาก ตัวอย่างเช่น เรื่องของเทคโนโลยีที่ยังค่อนข้างใหม่ ความไม่แน่นอนของระเบียบและกฎเกณฑ์ของรัฐที่สามารถชี้เป็นชี้ตายเหรียญส่วนใหญ่ได้ นอกจากนั้น การที่โลกหรือประเทศจะยอมรับนำมาใช้อย่างกว้างขวางก็ยังไม่ปรากฏ ทำให้พื้นฐานของทรัพย์สินดิจิทัลไม่มีความชัดเจนเลย การประเมินมูลค่าสำหรับผมแล้ว “ทำไม่ได้” แน่นอนว่ามีโอกาสที่มันจะมากและยิ่งใหญ่แบบ “เปลี่ยนโลก” ได้ แต่ก็มีโอกาสที่มันจะ “แป็ก” และเหรียญนั้นก็แทบจะ “ไร้ประโยชน์” ดังนั้น การคาดการณ์มูลค่าที่แท้จริงในระยะยาวจึงทำแทบไม่ได้ ราคาในระยะสั้นนั้นถูกกำหนดด้วยคนที่เป็น “นักเก็งกำไร” โดยเฉพาะในยามที่ต้นทุนเงินลงทุนต่ำมากและมีล้นเหลือ การเข้าไปเล่นเราต้องคิดว่านี่คือ “การพนัน” ที่อาจจะไม่ได้ต่างจากการเข้าไปเล่นในคาสิโนแต่มันสนุกกว่ามาก เพราะเล่นได้ตลอดเวลาด้วยเม็ดเงินน้อยนิด นอกจากนั้น เวลากำไร บางทีก็ทำให้รวยไปเลยก็ได้ ข่าวคนเล่นด้วยเงิน 1 หมื่นบาททำกำไรได้อย่างรวดเร็วภายในเวลาแค่ 1-2 เดือนกลายเป็น 1 แสนบาทนั้นกระจายไปในหมู่นักเล่นอย่างรวดเร็วซึ่งทำให้คนยิ่งแห่เข้ามาเล่นมากขึ้นในขณะที่คนขาดทุนอีก 8-9 คนอาจจะไม่มีใครรู้เลย และนี่ก็ทำให้เหรียญเหล่านี้เป็นที่นิยมในหมู่ “นักลงทุนหน้าใหม่” มหาศาล
ผมคิดว่าในรอบนี้ การเปิดคาสิโนในประเทศไทยคงจะสำเร็จ และแน่นอนก็คงมีคนเข้าไปเล่นกันพอสมควรโดยเฉพาะ “คนรุ่นเก่า” ที่ไม่ได้คุ้นเคยกับการเทรดเหรียญคริปโต พวกเขายังคุ้นเคยกับการเล่นโป้กเกอร์ โยกสล็อตแมชีน และเกมอื่น ๆ ที่ตนเองมีส่วนตัดสินใจในแต่ละรอบที่รู้สึกสนุกตื่นเต้น ได้ลุ้นด้วยการใช้เงินเพียงเล็กน้อย แต่สำหรับพวก “ฮาร์ดคอร์” ที่เล่นแบบเอาเป็นเอาตายแล้ว ผมคิดว่าหลายคนน่าจะสนใจ “เทรดเหรียญดิจิทัล” ที่บ้านมากกว่า และนี่ก็อาจจะเป็นเทรนด์ในอนาคตหลังโควิดที่อาจจะมาทำลายธุรกิจคาสิโนได้ คิดถึงเรื่องนี้ทำให้ผมนึกถึงการ “เล่นม้า” ที่ครั้งหนึ่งเมื่อหลายสิบปีก่อนเป็นการพนันที่ “นักพนัน” เล่นกันมากแต่เดี๋ยวนี้แทบจะไม่สนใจกันแล้ว