สองสามวันที่ผ่านมามีหุ้นบางตัวถูกให้หยุดการซื้อขายหรือถูก SP 1 วัน เพราะราคาหุ้นมีการปรับตัวขึ้นมาก “ผิดปกติ” ซึ่งเข้าข่ายเป็นหุ้นที่มีการเก็งกำไรสูงผิดปกติ ที่ตลาดหลักทรัพย์ได้ออกกฎเกณฑ์หลายข้อและหลายระดับในการที่จะป้องกันไม่ให้มีการเก็งกำไรมากเกินไป ซึ่งอาจจะทำให้ราคาหุ้นขึ้นเกินพื้นฐานไปมากและอาจจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่นักลงทุนได้
เกณฑ์ที่ใช้นั้นมีหลายข้ออาจจะเริ่มตั้งแต่การดูปริมาณการซื้อขายและราคาหุ้นที่ “แพงเกินไป” วัดจากกำไรของบริษัทเทียบกับตัวชี้วัดเช่นค่า PE เป็นต้น และก็คงมีอย่างอื่นอีกที่ผมเองก็ไม่ได้ศึกษาติดตามมากนัก และเมื่อมีหุ้นที่เข้าเกณฑ์แล้ว ก็จะถูกเพิ่มเงื่อนไขในการซื้อขายเช่น ห้ามใช้มาร์จิน ต้องวางเงินสดเต็มจำนวน อะไรทำนองนี้ และสุดท้ายที่เป็น “มาตรการสูงสุด” เนื่องจากหุ้นอาจจะมีราคา “แพงสูงสุด” หรือเก็งกำไรสูงสุดไปแล้วก็คือการ “หยุดการซื้อขาย 1 วัน” ดังกล่าว
หลังจากการหยุดพักการซื้อขาย 1 วัน ดูเหมือนว่าราคาหุ้นไม่ได้ปรับลงเลย แต่กลับปรับตัวขึ้นไปมากยิ่งกว่าเดิม ซึ่งก็หมายความว่ามาตรการในการ “ลดการเก็งกำไร” ไม่ได้ผลเลย แต่อาจจะยิ่งเพิ่มการเก็งกำไรขึ้นไปอีก
มาตรการสกัดหุ้นร้อน"เบาไร้ผล"
ผมเองดูแล้วก็รู้สึกว่าเป็นมาตรการที่ “เบามาก” คล้าย ๆ กับคนทำผิดคดีข่มขืนแต่ถูกลงโทษตีก้นหนึ่งที และผมเองก็ไม่เข้าใจว่าการให้หยุดการซื้อขาย 1 วันนั้นจะทำให้คนคิดคำนึงว่ามันเป็นหุ้นเก็งกำไรที่นักลงทุนควรหลีกเลี่ยงได้อย่างไร ว่าที่จริงคนอาจจะยิ่งคิดว่านี่คือหุ้นที่จะเก็งกำไรกันรุนแรงขึ้นและเขาอาจจะชอบที่จะเล่นเพิ่มขึ้น เพราะมันเหมือนเป็น “สป็อตไล้ท์” ส่องให้หุ้นเด่นขึ้นและเรียกให้คนเข้ามาเก็งกำไรมากขึ้นด้วยซ้ำ
ผมเองไม่รู้ว่าหลังจากการหยุดซื้อขายหุ้น 1 วันไปแล้ว จะมีมาตรการอะไรอีกไหม ถ้าไม่มีก็แสดงว่าหุ้นก็คงสามารถแสดงอภินิหารต่อไปได้เรื่อย ๆ จนวันหนึ่งอาจจะมีขนาดเป็นล้านล้านบาทและใหญ่ที่สุดในตลาดก็ได้ เพราะสำหรับผมแล้ว อาการของหุ้นที่ขึ้นไปแบบ “หลุดโลก” ได้นั้นก็คือหุ้นถูก “Corner” อย่างรุนแรง มีคนที่ถือหุ้นและพร้อมขายน้อยเกินไปในขณะที่คนซื้อนั้นคุมราคาหุ้นได้เบ็ดเสร็จ
และถ้าไม่แก้ปัญหานี้ ปัญหาจะตามมาและเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ และในอนาคตก็อาจจะมีหุ้นที่ถูก Corner อย่างรุนแรง เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆว่าที่จริง ทุกวันนี้ก็มีหุ้นจำนวนมากในตลาดถูก Corner อยู่แล้ว เพียงแต่ว่าอาจจะไม่รุนแรงเท่า และราคาหุ้นอาจจะแพงเกินไปซัก 3-4 เท่าจากราคาที่ควรจะเป็นและมูลค่าหุ้นอาจจะขึ้นไปในระดับแสนล้านหรือใกล้ ๆ แสนล้านบาทเท่านั้น
ตลาดหุ้นไทย ขาดความน่าเชื่อถือ ?
แต่ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร ตลาดหุ้นไทยก็จะเริ่ม “ขาดความน่าเชื่อถือ” ในแง่ที่ว่าราคาหุ้นจำนวนมาก “ไม่สะท้อนพื้นฐานของกิจการ” ที่ควรจะเป็น หรือเป็น “ตลาดเก็งกำไร” ที่คนที่ต้องการลงทุนระยะยาวไม่อยากเข้ามาลงทุนเพราะเต็มไปด้วยความเสี่ยงที่ไม่สามารถประเมินได้
ถ้าถามว่าเราสามารถแก้ปัญหาการ Corner หุ้นหรือหุ้นถูก Corner ได้ไหม ผมคิดว่าพอทำได้ในระดับหนึ่ง อย่างน้อยก็แก้ปัญหาหุ้นที่ถูก Corner รุนแรงได้แน่ถ้าตั้งใจที่จะทำ แต่การ Corner แบบเบา ๆ นั้นอาจจะยากเนื่องจาก “โครงสร้างของหุ้นและตลาดหุ้นไทย” นั้น เอื้ออำนวยมากในการทำ เฉพาะอย่างยิ่งก็คือ หุ้นมีขนาดเล็กและ/หรือหุ้นมีฟรีโฟลทน้อยแม้แต่ในหุ้นขนาดใหญ่จำนวนหนึ่ง
และระบบกฎหมายและภาษีของไทยเอื้ออำนวยมาก เหนือสิ่งอื่นใดก็คือ เจ้าของหรือผู้ถือหุ้นใหญ่ของไทยยังเป็นบุคคลธรรมดาจำนวนมาก และเขาเหล่านั้นมีแรงจูงใจที่จะทำให้ราคาหุ้นของตนวิ่งขึ้นไปสูงสุดเท่าที่จะทำได้ โดยเฉพาะเมื่อมันไม่ผิดกฎหมายหรือแม้แต่จริยธรรม ว่าที่จริงหลายคนกลายเป็น “ฮีโร่” ด้วยซ้ำที่สามารถ “สร้างมูลค่าหุ้น” ได้แบบเหลือเชื่อ
ผมคงไม่บอกว่าจะทำอย่างไรที่จะป้องกัน และก็คิดว่าคงไม่มีใครอยากเสนอมาตรการที่จะทำให้ราคาหุ้นตกหรือลดลงแบบหายนะ คนที่อยู่ในวงการลงทุนแทบทั้งหมดนั้นมักจะมีผลประโยชน์จากการที่หุ้นขึ้นทั้งนั้น แต่การที่ปล่อยให้หุ้นขึ้นไปเรื่อย ๆ นั้น ในที่สุดมันก็ต้องตกลงมา และผลร้ายที่จะเกิดขึ้นในเวลานั้นรวมถึงความผิดปกติอีกหลาย ๆ อย่างก่อนถึงวันนั้นก็อาจจะก่อให้เกิดผลเสียในระยะยาวต่อตลาดหุ้นอย่างใหญ่หลวง ถ้าเช่นนั้นเราควรทำอย่างไร?
กระดาน"BB" ตลาดรวมหุ้นฟองสบู่
ผมเองอยากจะเสนอ “เล่น ๆ” เพราะคิดว่ายังไงเขาก็ไม่เอาด้วยอยู่แล้วว่า แทนที่จะป้องกัน ไหน ๆ คนที่ชอบเล่นเก็งกำไรก็อยากเล่นอยู่แล้ว เราก็ตั้งกระดานซื้อขายหุ้นขึ้นมาอีกกระดานหนึ่ง อาจจะเรียกว่า “Bubble Board” หรือ “BB” คล้าย ๆ กับที่เรามีตลาดหุ้นหลักที่เรียกว่า SET และตลาดที่เรียกว่า MAI ซึ่งเป็นกระดานของบริษัทขนาดเล็ก
โดยตลาด “BB” จะเป็นตลาดที่รวมของหุ้นที่มีราคาแพงเวอร์เป็น “ฟองสบู่” เช่น ค่า PE อย่างน้อย 50 หรือ 100 เท่าขึ้นไป ค่า PB 10 หรือ 20 เท่าขึ้นไป มูลค่าหุ้นต้อง 5,000 ล้านบาทขึ้นไป เป็นต้น และเมื่อหุ้นตัวไหนเข้าเกณฑ์นี้ก็จะถูกถอนออกไปจากตลาด SET หรือ MAI และไปซื้อขายในกระดานหุ้นฟองสบู่หรือ BB จนกว่าจะหลุดจากเงื่อนไขเหล่านั้น
หุ้นในตลาด BB จะแยกจากตลาดอื่นแบบเด็ดขาดในแง่ที่ว่ามันจะไม่ถูกคำนวณในดัชนีอะไรทั้งนั้น ดังนั้น มันจะไม่มีผลกระทบด้านที่ไม่ดีอย่างเช่นในปัจจุบันที่ราคาหุ้นสะท้อนเข้าไปอยู่ในดัชนีที่ทำให้คนเข้าใจผิด นอกจากนั้นตราสารอนุพันธ์ต่าง ๆ ที่อิงกับดัชนีเช่น TFEX ก็จะสะท้อนความเป็นจริงมากขึ้น ความผันผวนของดัชนีต่างๆ ก็จะได้รับความน่าเชื่อถือมากขึ้น
ที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือ เมื่อแยกเป็นกระดานต่างหากแล้ว เราจะออกมาตรการอะไรก็สามารถทำได้โดยที่มาตรการนั้นจะไม่ใช้บังคับและไม่กระทบกับหุ้นตัวอื่นในกระดานอื่นที่เป็นตลาดหลัก ๆ สำหรับนักลงทุนโดยเฉพาะระยะยาวหรือนักลงทุนที่เน้นพื้นฐานหรือแม้แต่นักเก็งกำไรที่อิงอยู่กับหลักการหรือพื้นฐานต่าง ๆ ที่ก็มีความสำคัญกับตลาดหุ้นที่มีประสิทธิภาพ
สำหรับคนที่ยังไงก็ยังอยากเล่นหุ้นที่ราคาขึ้นลงแรงผันผวนมากและพร้อมที่จะหมดตัวหรือขาดทุนแบบ 99% ในหุ้นบางตัวได้นั้น
ผมเองก็คิดว่าพวกเขาควรจะรู้และตระหนักถึงความเสี่ยงที่จะได้รับ เพราะมิฉะนั้นก็จะกลายเป็นว่าเขาจะโทษตลาดได้ ดังนั้น ผมคิดว่าคนที่จะเข้าไปซื้อขายหุ้นในตลาด BB ได้ ควรที่จะต้องมีคุณสมบัติที่เหมาะสมและต้อง “ลงทะเบียน” ด้วย
โลกในมุมมองของ Value Investor 23 เมษายน 2565
ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร