*** เชื่อเถอะว่าปัญหาเรื่องการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย (Recession) ที่ป่วนดัชนีหุ้นทั่วโลกอยู่ขณะนี้จะไม่เกิดขึ้นจริง ที่เจ๊เมาธ์บอกอย่างนี้ เพราะเจ๊เชื่อว่า “สิ่งที่รู้แล้วว่ามันจะเกิด...มันจะไม่เกิด เนื่องจากถูกควบคุมและป้องกันไม่ให้เกิดขึ้น แต่สิ่งที่ไม่เคยคิดว่ามันจะเกิดขึ้นมันกลับเกิดขึ้นเพราะมองข้าม...และไม่ถูกป้องกัน” ดังนั้น หุ้นพื้นฐานดีที่ราคาปรับร่วงลงมามากจึงถือว่าน่าสนใจ ซึ่งหุ้นในกลุ่มเปิดเมืองไม่ว่าจะเป็น AOT MINT CPN AWC CRC BEM ซึ่งหลายตัวราคายังต่ำอยู่มากถือว่าเป็นกลุ่มที่น่าสนใจ
ส่วนหุ้นกลุ่มธนาคารอย่าง KBANK BBL SCB และ KTB ที่ถึงแม้ราคาจะยังสวิงอยู่มาก แต่ถ้าหากดักราคาในจังหวะที่ย่อลงมาได้ก็เป็นหุ้นที่ถือว่าดีมากอีกกลุ่ม ขณะที่หุ้นพลังงานอย่าง ตระกูล ป. PTT PTTEP PTTGC TOP IRPC และ GPSC ก็ยังเป็นหุ้นที่มองข้ามไม่ได้ในระยะยาว ส่วนหุ้นที่อาจจะต้องรอตอนย่อกลับเป็นหุ้นในกลุ่มลีสซิ่งอย่าง MTC SAWAD TIDLOR และ ลีสซิ่งเล็กๆ อีกหลายตัว
ที่มีปัญหาจากดอกเบี้ยขาขึ้น หนี้เสีย และคู่แข่งอย่างสถาบันการเงิน ที่ลงมาเล่นในธุรกิจลีสซิ่งด้วยตัวเอง ดังนั้น สำหรับหุ้นลีสซิ่งการรอเพื่อเก็บของตอนย่อจึงถือว่าสมเหตุสมผล
*** น่าสนใจเป็นอย่างยิ่งที่ บมจ. ทเวนตี้ โฟร์ คอน แอนด์ ซัพพลาย หรือ 24CS ซึ่งเข้าตลาดฯ ด้วยราคาไอพีโอ 3.40 บาท มีค่า P/E แรกเริ่มที่สูงถึง 48.57 เท่า สามารถปิดการซื้อขายวันแรกไปด้วยการวิ่งชนซิลลิ่ง (200%) ที่ราคา 10.20 บาท และดันให้ค่า P/E ขยับขึ้นไปสูงถึง 150 เท่าเลยทีเดียว แต่กลับกันเมื่อเข้าสู่วันที่สองของการซื้อขายราคาหุ้นของ 24CS กลับร่วงลงไปแตะราคาฟลอร์ (-29.90%) แทงกันไส้แตก...เหมือนกับว่า 24CS ที่เข้าตลาดฯในวันแรก กับ 24CS ที่ก้าวเข้าสู่วันที่ 2 ในตลาดฯ ไม่ใช่บริษัทเดียวกันโน้นเลยทีเดียว
อย่างไรก็ตาม...ถ้าไปดูองค์ประกอบต่างๆ ก็จะเห็นว่าการที่ราคาหุ้นของ 24CS ปรับราคาลงมาเช่นนี้ กลับไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจแต่อย่างใด อย่างแรกคือ ผลการดำเนินงานใน 6 เดือนแรกของปี 65 ที่ถึงแม้จะมีทั้งรายได้และกำไรที่ปรับเพิ่มขึ้นมาก เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว แต่ก็พบว่าบริษัทมีอัตรากำไรขั้นต้นเพียงแค่ 11.93% และมีอัตรากำไรสุทธิที่ต่ำเตี้ยเพียงแค่ 2.93% เท่านั้น
ส่วนอย่างที่สอง ก็มีข่าวซุบซิบมาว่า มีนักล่าหุ้นมืออาชีพยอมรับซื้อหุ้นนอกตลาดที่ราคาสูงถึง 4.30 บาท จากราคาไอพีโอ 3.40 บาท ซึ่งเมื่อได้หุ้นแล้วเอาหุ้นไปเร่ขาย เพื่อกินส่วนต่างนอกตลาด ด้วยการการันตีราคาจนมีการดันราคาหุ้นขึ้นไปปิดสูงในวันแรก ก่อนจะลงมาแตะราคาฟลอร์ในวันที่ 2 ของการเข้าตลาดนั้นเอง ถึงตอนนี้คนที่ติดดอยก็ไม่รู้ว่าจะได้ออกเมื่อไหร่ และไม่แน่ว่า 24CS ตัวนี้อาจจะเป็นหุ้นอีกหนึ่งตัวที่เข้าข่าย “ลุกช้าจ่ายรอบวง” ก็เป็นไปได้เจ้าค่ะ
*** ต้องยอมรับว่าการกลับมาของ DELTA ในรอบนี้ แข็งแกร่งมากจริงๆ ไม่ใช่แค่เรื่องของผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นอย่างผิดหูผิดตา หรือ มีกระแสข่าวที่บอกว่า DELTA อาจจะได้เข้าไปอยู่ในดัชนีคำนวณ SET50 SET100 เพียงเท่านั้น เพราะการที่ค่าเงินบาทอ่อนค่าทะลุ 38 บาท รวมถึงมีแนวโน้มที่จะอ่อนค่าลงไปจนถึง 40 บาทต่อเหรียญสหรัฐ ก็กลายเป็นอีกหนึ่งปัจจัยหลักที่ทำให้หุ้นส่งออกตัวนี้ มีกำไรเพิ่มมากขึ้นได้ โดยไม่ต้องทำอะไร
อย่างไรก็ตาม...ไม่ใช่ว่าหุ้นตัวนี้จะดีไปทุกอย่าง เพราะอย่างน้อยที่สุดเรื่องของจำนวนผู้ถือหุ้นรายย่อย (Free float) และจำนวนหุ้นหมุนเวียนที่ยังน้อยเกินไป ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้หุ้นตัวนี้เคยถูกถีบออกจากดัชนีคำนวณหลัก รวมถึงเรื่องการใช้ปลาเล็กตกปลาใหญ่ เช่น การใช้หุ้นจำนวนน้อยๆ ดันมาร์เก็ตแคปโดยรวมของบริษัทขึ้นสูง ก็ยังไม่ถูกแก้ไข หรือ ถ้าจะพูดกันตรงๆ ก็คือ ไม่มีปัญญาแก้ไขนั้นเอง ดังนั้น ถ้ามีการเปิดประตูให้ DELTA กลับเข้าไปสู่ดัชนีคำนวณหลักขึ้นมาได้จริง ก็จะทำให้ใครก็ตามที่เคยถีบหุ้นตัวนี้ออกมาจาก SET50 SET100 ต้องกลับไปกลืนน้ำลายตัวเองนั้นเอง
*** แม้ว่าจะยังไม่เห็นกำไรจากการดำเนินงาน แต่ราคาหุ้นของ KEX ในระดับ 20 บาทบวกลบ ถือว่าเป็นราคาที่น่าจะเข้าสะสมได้ เพียงแต่อาจจะต้องแบ่งไม้และหาจังหวะตอนย่อตัว ก็อย่างที่เจ๊เมาธ์เคยบอกไปว่า KEX เป็นบริษัททีมีทุนใหญ่มาจากต่างประเทศเอาไว้รองรับเอาไว้ ดังนั้น บริษัทจึงไม่เสียดายในการที่จะทำตลาด ด้วยวิธีการยอมขาดทุนด้วยการตัดราคาเพื่อให้คู่แข่งไม่สามารถทำธุรกิจต่อไปได้ แต่ขณะเดียวกัน KEX ก็จะประสบปัญหาการขาดทุนอยู่ตลอด แม้ว่ารายได้ของบริษัทจะเพิ่มขึ้นโดยตลอดเช่นเดียวกัน ซึ่งการขาดทุนที่ว่านี้ ก็เป็นแผนธุรกิจแบบที่ทุนจีน ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ KEX รับได้และนิยมใช้ ดังนั้น การที่ราคาหุ้นของ KEX ที่ถูกปรับราคาลงมาต่ำมากแล้ว จึงเริ่มเข้าสู่จุดสมดุลที่เจ๊เมาธ์มองว่า เริ่มน่าสนใจนั่นเองเจ้าค่ะ
*** ไม่พูดถึงเลยคงไม่ได้ สำหรับ บมจ.ใหญ่อย่าง PTT หัวเรือใหญ่แก้ปัญหาพลังงาน แต่นอกจากทำเรื่องพลังงานโดยตรงแล้ว ในยามที่หลายคนเดือดร้อนจากน้ำท่วม PTT ก็ไม่นิ่งดูดาย กระโจนลงมาทันที โดยล่าสุดพิษภัยจากพายุโนรูเล่นงานซะอ่วมอรทัย ก็จัดถุงยังชีพเข้าไปช่วยทันที ไม่ได้มาคนเดียวลาก บริษัท Thaioil มาร่วมด้วย ผู้บริหารมาเอง บรรจุถุงยังชีพจำนวน 1,500 ถุง ส่งพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคกลาง ไปอุบลราชธานี 1,000 ถุง ทั้งส่งทีมปฏิบัติการชมรม PTT Group SEALs เจ้าหน้าที่พร้อมเรือท้องแบนและอุปกรณ์กู้ภัยเพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่ด้วย ในภาคกลาง ส่งจังหวัดลพบุรี จำนวน 500 ถุง ปีนี้ PTT เตรียมดำเนินการแจกจ่ายถุงยังชีพกว่า 10,000 ถุง ช่วยๆ บรรเทาทุกข์กันไป
หน้า 13 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 42 ฉบับที่ 3,824 วันที่ 6 - 8 ตุลาคม พ.ศ. 2565