"คัด 8 โผหุ้นเดือนต.ค." ทิสโก้ แนะทยอยซื้อ กระจายเสี่ยงรับตลาดผันผวน

04 ต.ค. 2565 | 07:48 น.
อัปเดตล่าสุด :04 ต.ค. 2565 | 14:50 น.

บล.ทิสโก้ เตือนตลาดหุ้นทั่วโลกยังผันผวนสูง แนะกระจายเสี่ยงทะยอยสะสม 4 ธีมหุ้นไทย หุ้นได้ประโยชน์ดอกเบี้ยขาขึ้น ,หุ้น Re-opening ,หุ้นที่มีปัจจัยสนับสนุนเฉพาะตัว และธีมหุ้น Bottom Fishing โดยคัด 8 หุ้นเด่น BANPU, BBL, BDMS, BEM, DTAC, KISS, MTC และ PIMO

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด เปิดเผยว่า จากตัวชี้เศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐที่ยังดีอยู่ และแรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่ผ่อนคลาย คาดจะส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ สหรัฐฯ กลับมาขยายตัวมากกว่าระดับ 3% ในช่วงไตรมาส 3/2565 และไตรมาส 4/2565 

 

อย่างไรก็ตาม บล.ทิสโก้มองว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ น่าจะเข้าสู่ “ภาวะถดถอยที่แท้จริง” ในช่วงครึ่งหลังปี 2566 เพราะคาดว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) น่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าจะขึ้นมาสู่ระดับ 4.25-4.50% ในปีนี้ และ 4.50-4.75% ในปีหน้า และอัตราการว่างงานที่ควรจะต้องสูงกว่าระดับ 5% ขึ้นไป จึงจะทำให้ FED พอใจที่จะกดเงินเฟ้อปรับตัวลงได้  

            
ทั้งนี้ ปัจจุบันทั้ง 3 ดัชนีหลักของตลาดหุ้นสหรัฐฯ เข้าสู่ภาวะหมีครบหมดแล้ว หลังปรับตัวลงมากกว่า -20% จากที่เคยขึ้นสูงสุดในช่วงปลายปีที่แล้ว แต่สถานการณ์ขณะนี้ บล.ทิสโก้มองว่านักลงทุนควรเผื่อใจไว้สำหรับกรณีที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ อาจถลำลึกเข้าสู่ภาวะหมีมากขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน  อิงจากการศึกษาภาวะหมีของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในอดีตนับตั้งแต่ปี 2503 เป็นต้นมา บล.ทิสโก้พบว่า จะกินเวลาเฉลี่ยประมาณ 14 เดือน และจะปรับตัวลงเฉลี่ยประมาณ -34% จากจุดสูงสุด 

 

เพราะฉะนั้น หากตลาดหุ้นสหรัฐฯ เข้าสู่ภาวะหมีเทียบเท่ากับค่าเฉลี่ยในอดีต อาจเห็นจุดต่ำของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในช่วงปลายไตรมาส 1 ถึงต้นไตรมาส 2 ของปีหน้า ที่ระดับดัชนี  S&P500 บริเวณ 3,140 – 3,240 จุด หรือคิดเป็นโอกาสการปรับลดลง (Downside) อีกราว 10-12% จากปัจจุบันที่อยู่ที่ประมาณ 3,600 จุด  

 

อย่างไรก็ตาม ในช่วงไตรมาส 4 ปีนี้ มีลุ้นผลกระทบเชิงบวกจากการเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐฯ ((US Mid-Term Elections Rally) ซึ่งตลาดหุ้นสหรัฐฯ มักให้ผลตอบแทนเป็นบวกเสมอ เฉลี่ย +7.3% ด้วยระดับความเชื่อมั่นสูงถึง 86% น่าจะเป็นความหวังหนึ่งที่อาจช่วยหนุนบรรยากาศการลงทุนได้ หลังจากที่ปลายไตรมาส 3 ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ทิ้งตัวลงอย่างหนักแตะระดับต่ำสุดในรอบ 2 ปี 

            
สำหรับการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีนช่วงกลางเดือนนี้ หากจีนส่งสัญญาณผ่อนคลายการดำเนินนโยบายการเงินและนโยบาย “Zero Covid” รวมทั้งการเร่งรัดนโยบายการคลังเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ บล.ทิสโก้คาดว่าตลาดหุ้นไทยจะตอบสนองเชิงบวกต่อผลการประชุมดังกล่าว เนื่องจากไทยพึ่งพาการค้าและการท่องเที่ยวจากจีนมากเป็นอันดับ 1 น่าจะได้ประโยชน์สูง 

 
ด้านงบแบงก์ที่จะทยอยประกาศผลประกอบการในช่วงกลางเดือนนี้ บล.ทิสโก้คาดว่าหุ้นกลุ่มแบงก์ที่อยู่ภายใต้การวิเคราะห์ของบล.ทิสโก้ทั้ง 7 แห่งจะออกมาดี มีกำไรสุทธิโดยรวมอยู่ที่ 5.08 หมื่นล้านบาทใน 3/2565  เพิ่มขึ้น 28.1% เมื่อเทียบกับปีก่อน (YoY) และเพิ่ม 2.6% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน หลัก ๆ จากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่เพิ่มขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวและการเติบโตของสินเชื่อ ขณะที่การตั้งสำรองฯ ในไตรมาสนี้คาดว่าจะลดลงได้เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว 

             

 

            
โดยสรุป ถึงแม้ตลาดหุ้นโลกช่วงนี้จะมีความผันผวนสูง และกดดันให้ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงตาม แต่ตลาดหุ้นไทยยังเคลื่อนไหวในทิศทางที่ดีกว่าตลาดหุ้นโลก (Outperform) และเป็นไปตามที่บล.ทิสโก้มองไว้อยู่แล้วตั้งแต่ต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา จึงมองว่าเป็นจังหวะซื้อสะสมช่วงสุดท้ายของปีนี้  หุ้นที่บล.ทิสโก้แนะนำในเดือนตุลาคมนี้ จะเน้นการลงทุนในหลาย ๆ ธีม เพื่อกระจายความเสี่ยงได้แก่  

 

  • 1. ธีมหุ้นได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยปรับขึ้น แนะนำ BBL
  •  2. ธีมหุ้น Re-opening ธุรกิจมั่นคงมีความทนทานสูงต่อภาวะเงินเฟ้อและความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจ แนะนำ BDMS และ BEM 
  • 3.ธีมหุ้นที่มีปัจจัยสนับสนุนเฉพาะตัว เด่น DTAC, KISS และ PIMO 
  • 4. ธีมหุ้น Bottom Fishing แนะนำ BANPU และ MTC   

 

เพราะฉะนั้น หุ้นเด่นที่บล.ทิสโก้แนะนำในเดือนตุลาคม คือ BANPU, BBL, BDMS, BEM, DTAC, KISS, MTC และ PIMO  ด้านแนวรับสำคัญเดือนนี้อยู่ที่ 1,575 – 1,580 จุด แนวรับต่อไปที่ 1,530-1,550 จุด และแนวต้านสำคัญอยู่ที่ 1,600 – 1,610 จุด และแนวต้านต่อไปที่ 1,630 จุด 1,650 จุด  และ 1,675 จุดตามลำดับ