หากลองดูการเคลื่อนไหวของ Set index สัปดาห์ที่ผ่านมา จะเห็นอาการขึ้นกระจุกลงกระจาย ความหมายในที่นี้ของผมคือ ในวันที่ตัวดัชนีขึ้น จะมีเพียงหุ้นไม่กี่ตัวที่ขึ้น แต่ในวันที่หุ้นลงนั้นจะมีหุ้นหลายตัวที่ลง เพราะฉะนั้นจึงไม่แปลกใจว่า ทำไมสัปดาห์ที่ผ่านมา เรามักเห็นนักลงทุนจำนวนมากออกมาบ่นว่าพอร์ตติดลบมากกว่าที่เห็นจากการเคลื่อนไหวของตัวดัชนี ซึ่งสาเหตุหลักๆ ก็มาจากที่ตอนนี้ดัชนี้บ้านเราโดนกำหนดโดยหุ้นตัวใหญ่ไม่กี่ตัว โดยเฉพาะ DELTA
ยกตัวอย่างให้ท่านเห็นภาพชัดง่ายๆ สัปดาห์ที่ผ่านมา ถ้าเทียบในวันที่ตัวดัชนีขึ้นท่านจะเห็นว่า DELTA จะขึ้นเยอะ แต่หุ้นตัวอื่นจะนิ่งไม่ขึ้นตาม ในทางกลับกัน พอเป็นวันที่ตัวดัชนีลง มันกลับไม่ได้ลงเพราะ DELTA ลง (ไม่นับเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา) แต่มันกลับลง เพราะหุ้นหลายๆ ตัวพร้อมใจกันลง จนทำให้ตัวดัชนีลง ทั้งๆ ที่ราคา DELTA อยู่เฉยๆ นี่จึงสะท้อนให้เห็นความไร้เสถียรภาพของตลาดปัจจุบัน และก็เป็นเหตุผลที่ทำให้ไม่ต้องแปลกใจ หากหุ้นในพอร์ตจะติดลบมากกว่าที่ควรจะเป็น หากอ้างอิงจากการเคลื่อนไหวของตัวดัชนี
ส่วนสัปดาห์นี้ ถ้าถามผม ผมเชื่อว่าจะมี rebound แถวๆ 1550 บวกลบ แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นที่ผมสนใจ สิ่งที่ผมสนใจก็คือ การ rebound ครั้งนี้นั้นจะ rebound ได้มากน้อยแค่ไหน เพราะนี่จะเป็นการบ่งบอกถึงอนาคตระยะสั้นของ Set index หากในกรณีที่ rebound แต่ rebound ไม่ขึ้น กล่าวคือ rebound ได้นิดเดียว และไร้ volume เราอาจจะเห็นการลงแรงของตัวดัชนี หลังจากนั้นในทางกลับกัน หากสามารถ rebound ได้จริง ก็อาจจะมีจังหวะให้นักลงทุนหายใจได้บ้าง อย่างไรก็ตามก็คงไม่น่าเกิน 1600 อยู่ดี
ทางเชิงกลยุทธ์ผมจึงยังแนะนำว่า ถ้าท่านไม่จำเป็นต้องเล่น ให้ท่านอยู่เฉยๆ เพราะหากสุดท้ายแล้วเป็นแบบกรณีแรกที่ผมกล่าวไปคือ rebound ไม่ขึ้น เราอาจเห็นการหักลงเลยของตัวดัชนี ซึ่งเราอาจหนีไม่ทัน แต่สำหรับท่านที่เฝ้าหน้าจอจำเป็นต้องเล่น และอยากจะเล่น ผมก็มีหุ้นมานำเสนอ แต่ย้ำว่าผมแนะนำให้อยู่เฉยๆ แต่อันนี้สำหรับคนเฝ้าหน้าจอที่รับความเสี่ยงได้
หุ้นได้เสีย (สำหรับคนเฝ้าหน้าจอที่รับความเสี่ยงได้และจำเป็นต้องเล่น)
- ETC
ETC ทางเชิงพื้นฐาน หน้าสนใจตรงที่เพิ่งชนะการประมูลโครงการรับซื้อพลังงานขยะอุตสหกรรมมา 10 โครงการ ซึ่งมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ตอนแรก และจะทำให้ ETC สามารถเพิ่มกำลังการผลิตจาก 16.5 MW ไปเป็น 100 MW ซึ่งจะเห็นว่าก้าวกระโดดขึ้นหลายเท่า ความเสี่ยงเดียวที่มีอยู่ตอนนี้ ก็คือการหาเงินทุนมาลงทุนในตัวโครงการ ซึ่งสุดท้ายแล้วหากไม่ต้องเพิ่มทุน ก็เชื่อว่าถ้าตลาดไม่แย่เกินไป น่าจะเห็นราคาทะลุ 4 บาทได้ไม่ยาก และในทางเชิงเทคนิคก็จะเห็นว่า ราคาลงมาแถวๆ แนวรับพอดี เพราะฉะนั้นสำหรับท่านที่เล่นเก็งกำไร ก็จะมีจุดหนีที่ชัดเจนและไม่เจ็บตัวมาก เพราะจุดหนีต่ำใกล้ราคาปัจจุบัน
สรุปสัปดาห์นี้
1.จับตาการ rebound สัปดาห์นี้
2.ยังมีความเสี่ยง ไม่จำเป็นไม่ต้องเล่น
3.ถ้าจำเป็นต้องเล่นให้เอา ETC