ALL ของร้อน ระวังมือพอง!

26 ก.ค. 2566 | 02:20 น.
อัพเดตล่าสุด :26 ก.ค. 2566 | 03:13 น.

ALL ของร้อน ระวังมือพอง! คอลัมน์เมาธ์ทุกอำเภอ โดย…เจ๊เมาธ์

*** กลายเป็นธรรมเนียมปฏิบัติไปแล้วสำหรับตลาดหุ้นไทย ที่ธนาคารมักจะประกาศผลการดำเนินงาน ทั้งผลการดำเนินงานประจำไตรมาส และผลการดำเนินงานประจำปีออกมาก่อนใคร และในรอบการแจ้งผลการดำเนินงานประจำไตรมาส ที่ 2/66 ดูเหมือนว่า จะยังเป็นกลุ่มธนาคารใหญ่อย่าง BBL KTB SCB และ TTB มีกำไรจากผลการดำเนินงานที่ดีขึ้น

จะมีเพียงแค่ KBANK อยู่เพียงรายเดียว ที่มีกำไรลดลงเมื่อเทียบกับช่วงของปีที่แล้ว แต่หากมองในภาพรวมก็จะเห็นได้ว่า ธนาคารพาณิชย์ 10 แห่งของไทยในไตรมาส 2/66 มีกำไรสุทธิรวมอยู่ที่ 61,636 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.2% จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน มีกำไรสุทธิรวมอยู่ที่ 52,604 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.2% จากไตรมาสก่อน 

โดยมีสาเหตุหลักที่มาจากการที่ธนาคารเหล่านี้ ต่างก็ได้ปรับขึ้นดอกเบี้ยเงินกู้จนมีผลงานที่ดีขึ้น เพราะในทุกๆ 0.25% ของการปรับขึ้นดอกเบี้ยจะทำให้หุ้นธนาคารใหญ่ มีรายได้จากดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นราว 7-10% เลยที่เดียว 

เพียงแต่ในกรณีของ KBANK การที่ราคาหุ้นปรับร่วงลงมาแรงกว่าธนาคารอื่นๆ ส่วนหนึ่งก็มาจากสาเหตุของการตั้งสำรองที่ยังสูง เนื่องจากปัญหาของ NPLs ที่ยังสูงต่อเนื่องจากไตรมาสที่ 1/66 นั่นเอง

อย่างไรก็ตาม สำหรับเจ๊เมาธ์แล้วหุ้นกลุ่มธนาคารยังมีโอกาสโตขึ้นได้ตามผลการดำเนินงานที่ดีขึ้น...อาจจะมีปัญหาอยู่บ้างก็เพียงในเรื่องที่การเมืองไทยยังไม่นิ่งพอที่จะวางใจได้ว่าจะไม่มีปัญหา 

ดังนั้น จังหวะที่ราคาหุ้นธนาคารเหล่านี้กำลังย่อตัวแบบนี้จึงถือว่าเป็นโอกาสดีที่จะได้เก็บหรือได้ถัวเพื่อให้ถือได้ยาวอย่างสบายใจ อย่างน้อยที่สุดใครที่มีต้นทุนต่ำกว่าก็สบายใจกว่าอยู่แล้วเจ้าค่ะ

*** แม้ว่าราคาหุ้นของ ALL ที่ทรงตัวอยู่ที่ระดับราคา 0.06-0.07 บาท อาจจะดูน่าสนใจสำหรับ “นักเล่น” ที่ชอบความเสี่ยงมากๆ แต่เจ๊เมาธ์ก็อยากเตือนเอาไว้ด้วยว่าหุ้นอย่าง ALL ไม่ใช่หุ้นที่จะสามารถกลับตัว...กลับราคาขึ้นมาได้เหมือนกับหุ้นตัวอื่น 

อย่างหนึ่งก็คือ การที่ราคาหุ้นปรับลงมานี้ก็เป็นเพราะปัญหาของการผิดนัดชำระดอกเบี้ยหุ้นกู้ในต่างกรรมต่างวาระ แต่รวมแล้วผิดนัดชำระรวมกันหลายรอบ 

อย่างที่สองก็คือ การตัดขายสินทรัพย์เพื่อนำเงินมาใช้หนี้นั้น เป็นสิ่งที่เจ๊เมาธ์บอกมาตลอดอยู่แล้วว่า เป็นเหมือนการตัดแขนตัดขาตัวเองเนื่องจากแหล่งรายได้ที่มีอยู่แค่ไม่กี่อย่างของบริษัทได้หายไปแล้ว ซึ่งเมื่อไม่มีรายได้ หรือ รายได้หายไปมากจนเกินไป ก็ไม่ต่างจากคนไม่มีแขนที่จะทำมาหากิน 

ไม่ต้องคิดไปไกล ให้รอดูแค่ผลการดำเนินงานประจำไตรมาสที่ 2/66 ที่กำลังจะออกมาก็น่าพิสูจน์ตัวของ ALL ว่าจะมีโอกาสฟื้นตัวได้ในระยะเวลาอันใกล้นี้ได้หรือไม่ และถ้าไม่...บอกเลยว่าถ้าไม่ขายบริษัทให้กับกลุ่มทุนใหม่ ก็อาจจะจบไม่สวยแบบที่เกิดขึ้น STARK ก็เป็นได้ ของร้อนแบบนี้คิดง่ายๆ ไม่ได้ เพราะถ้าร้อนมากจับแล้วระวังมือจะพองเอาเจ้าค่ะ 

*** เจ๊เมาธ์ไม่แน่ใจนักว่าเป็นเพราะธุรกิจเวทีประกวด Miss Universe รวมไปถึงทรัพย์สินทางปัญญาทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับงานประกวดดังกล่าวจะดีกว่า หรือเป็นเพราะธุรกิจดั่งเดิมของ JKN ที่เคยมีเริ่มถึงทางตันกันแน่ ที่ทำให้ JKN ของแอน “จักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์” เลือกที่จะพูดถึงเพียงธุรกิจ Miss Universe แต่ไม่พูดถึงธุรกิจดั่งเดิมของ JKN 

อย่างไรก็ตาม การที่ราคาหุ้นของ JKN ปรับลงมาอยู่ที่ระดับราคา 2 บาทกว่าๆ ก็น่าจะบอกได้เป็นนัยๆ อยู่แล้วว่าผลงานประจำไตรมาส 2/66 น่าจะออกมาในแบบใดกันแน่ 

อย่างไรก็ตาม ก็ใช่ว่าจะเป็นเพียงเรื่องของผลการดำเนินงานเพียงอย่างเดียวเท่านั้นเพราะปัญหาของ JKN ยังมีเรื่องของความเชื่อมั่นที่เริ่มถอยหลังลงหลังจากที่ก่อนหน้านี้ JKN เคยมีปัญหาเรื่องการเพิ่มทุนและการขายหุ้นบิ๊กล็อตก่อนการเพิ่มทุนของผู้ถือหุ้นใหญ่ และผู้บริหารอย่าง แอน “จักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์” เข้ามาด้วยอีกส่วนหนึ่งนั่นเอง 

ส่วนที่ว่าราคาหุ้นของ JKN จะสามารถกลับขึ้นไปไกลจุดดอยที่นักลงทุนค้างอยู่ได้เมื่อไหร่ ก็คงจะยังไม่มีใครบอกได้ ตอนนี้ก็คงจะต้องรอดูแค่ผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 2/66 ไปก่อน ส่วนเรื่องอื่นค่อยตามข้อมูลไปเรื่อยๆ ก็แล้วกันค่ะ

*** แม้ว่าราคาหุ้นของ JAS จะเริ่มปรับดีขึ้นมาหลังจากที่ลงไปแตะจุดต่ำสุดเมื่อเดือนมิถุนายน ในขณะที่เกมการที่ทาง ADVANC ได้เข้าซื้อ 3BB และหน่วยลงทุน JASIF มูลค่ารวม 32,420 ล้านบาท ที่ในตอนนี้ก็รอเพียงการอนุมัติจาก กสทช. ซึ่งมีความเชื่อกันว่าทันทีที่ได้รับการอนุมัติก็จะทำให้ JAS มีเงินปันผลพิเศษมาจ่ายให้ผู้ถือหุ้นตามมาด้วย 

ถ้าหากคิดง่ายๆ เงินปันผลพิเศษที่ว่านี้ ก็น่าจะออกมาราว 2-3 บาทต่อหุ้น ซึ่งถือว่าไม่น้อย แต่ล่าสุดการจัดประชุมวิสามัญผู้ถือหน่วยลงทุนครั้งที่ 1/2566 ในวันที่ 23 สิงหาคม 2566 โดยมีวาระสำคัญคือ การพิจารณาผ่อนผันการหยุดพักการชำระค่าเช่าและการผิดนัดชำระค่าเช่า 

ตลอดจนการยกเลิกและแก้ไขเพิ่มเติมสัญญาจัดหาผลประโยชน์จากทรัพย์สินกิจการโครงสร้างพื้นฐาน ดูเหมือนว่าจะมีนัยอะไรบางอย่างซ่อนอยู่พอสมควร 

เอาเป็นว่าก็ต้องรอดูกันไปอีกหน่อย...ของแบบนี้ยังไม่รู้ว่าจะมีอะไรซ่อนอยู่หรือเปล่า ก็เงินมันเยอะนี่นา