การใช้ชีวิตใน “หน้าฝน” ไม่ใช่เรื่องง่าย
เพราะนอกจากจะคาดเดายากว่า ฝนจะตกหรือไม่ตก การเปียกฝน จะมากหรือน้อย สภาพอากาศที่ชื้นแฉะ ล้วนส่งผลกระทบต่อสุขภาพทั้งสิ้น ล่าสุดสถาบันโรคผิวหนัง ได้ออกมาเตือนถึงโรคผิวหนังที่เกิดขึ้นได้ในหน้าฝน
โรคผิวหนังที่จะพบได้บ่อยๆ ส่วนใหญ่จะเกิดจากเชื้อราหรือเเบคทีเรีย ที่จะเจริญเติบโตเเละก่อโรคได้ดีในสภาพอากาศเเละสิ่งเเวดล้อมในฤดูฝน ประชาชนที่เดินทางออกนอกบ้าน บางครั้งอาจจะเปียกฝนหรือเดินลุยน้ำขัง จะพบปัญหาโรคผิวหนังที่ตามมาจึงควรหมั่นสังเกตตนเองอยู่เสมอ โดย 6 โรคผิวหนังที่พบบ่อยได้บ่อยในฤดูฝน ได้แก่
1. โรคเกลื้อน มีลักษณะเป็นผื่นวงกลมหลายวง มีขุยละเอียด สีแตกต่างกัน มักเกิดบริเวณ ลำตัว เช่น หลัง หน้าอก ท้อง ไหล่ คอ พบมากในผู้ที่มีเหงื่อออกมาก และใส่เสื้อผ้าที่อับชื้น
2.โรคกลาก มีลักษณะเป็นผื่นวงมีขอบเขตชัดเจน มีขุย เริ่มต้นด้วยอาการคัน ตามด้วยผื่นแดงต่อมาจะลามเป็นวงออกไปเรื่อย ๆ และมักจะคันมากขึ้น ส่วนใหญ่พบในบริเวณที่มีความอับชื้น เช่น หนังศีรษะ รักแร้ ใต้ราวนม ขาหนีบ ฝ่าเท้า และซอกนิ้วเท้า
3.โรคเท้าเหม็น เกิดจากการมีเชื้อแบคทีเรียบางชนิดบริเวณผิวหนังชั้นนอก มีอาการเท้าแห้งลอก เท้าจะมีกลิ่นรุนแรงมากกว่าปกติ มีหลุม รูพรุนเล็ก ๆ บริเวณฝ่าเท้าและง่ามเท้า
4.โรคน้ำกัดเท้า มีอาการระคายเคืองผิวหนังจากความอับชื้น เมื่อสัมผัสสิ่งสกปรกบริเวณที่มีน้ำท่วมขัง หลังฝนตก ทำให้เกิดผื่นตามเท้าและซอกนิ้วเท้า บางรายอาจมีอาการติดเชื้อราหรือเชื้อแบคทีเรียร่วมด้วย
5.โรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง เนื่องจากอุณหภูมิและความชื้นของอากาศเปลี่ยนแปลงไปสังเกตจากมีผื่นแดง แห้งลอก มีอาการคันมากที่บริเวณข้อพับแขน ข้อพับขา ใบหน้า แขน ขา และซอกคอ
6. โรคผิวหนังอักเสบ เพราะฤดูฝนจะมีการเพิ่มจำนวนของแมลงหลากหลายชนิด เช่น ยุง หมัด ไร ด้วงก้นกระดก หากสัมผัสอาจเกิดเป็นผื่นผิวหนังอักเสบได้หากมีอาการแพ้รุนแรงควรพบแพทย์
สำหรับการป้องกันและการดูแลตัวเองในช่วงหน้าฝน คือ
1. อาบน้ำ สระผม ทำความสะอาดร่างกายหลังทันทีโดนฝน
2.ใส่เสื้อผ้าที่สะอาด แห้งสนิทไม่อับชื้น
3.ล้างมือ ล้างเท้าหลังลุยน้ำ
4.หากพบปัญหาผิวหนังแนะนำให้มาพบแพทย์ทันที
หน้า 15 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 43 ฉบับที่ 3,905 วันที่ 16 - 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2566