สถิติของกรมควบคุมโรค พบว่า ในปี 2565 มีคนไทยป่วยเบาหวานสะสมถึง 3.3 ล้านคน และมีผู้ป่วยเบาหวานรายใหม่ในปี 2566 เพิ่มขึ้น 3 แสนคน ซึ่งเป็นตัวเลขที่น่าเป็นห่วง
“ความเครียด” กลายเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้ป่วยโรคเบาหวาน เพราะหลายคนเลือกจัดการความเครียดด้วยการกินของหวาน เช่น ชานม ช็อกโกแลต โดนัท เพราะรสชาติอร่อย กินแล้วรู้สึกดี เยียวยาจิตใจ แต่การคลายเครียดด้วยของหวานบ่อย ๆ อาจเป็นพฤติกรรมที่นำไปสู่ "โรคเบาหวาน" ได้เช่นกัน
โรคเบาหวานคือภาวะที่ร่างกายมีระดับน้ำตาลในเลือดสูงผิดปกติ มีระดับน้ำตาลในเลือดตั้งแต่ 126 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตรขึ้นไป หรือมีค่าน้ำตาลสะสมตั้งแต่6.5% จากการตรวจอย่างน้อย 2 ค่า ซึ่งอาจจะทำให้เกิดอาการกระหายน้ำบ่อย ปัสสาวะบ่อย น้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ บางคนอาจมีภาวะแทรกซ้อนของเบาหวาน เช่น สายตาพร่ามัว มองไม่ชัด มีแผลที่เท้าเรื้อรัง มีอาการชาที่ปลายมือหรือปลายเท้า อ่อนเพลีย หรือผิวแห้งและคัน
“นพ. ชาญวัฒน์ ชวนตันติกมล” อายุรแพทย์ผู้ชำนาญการโรคเบาหวานและต่อมไร้ท่อ ศูนย์เบาหวาน ต่อมไร้ท่อ และควบคุมน้ำหนัก โรงพยาบาลวิมุต เล่าให้ฟังว่า โรคเบาหวานแบ่งได้หลายแบบแต่เบื้องต้นเพื่อความเข้าใจง่ายขอแบ่งเป็น 4 ประเภท ได้แก่
ชนิดที่ 1 เกิดจากภูมิคุ้มกันทำลายเซลล์ตับอ่อนที่ผลิตอินซูลิน ทำให้ร่างกายผลิตฮอร์โมนที่ควบคุมระดับน้ำตาลไม่ได้
ชนิดที่ 2 พบในผู้ที่มีน้ำหนักเกินและไขมันในช่องท้องมาก ทำให้เกิดภาวะดื้อต่ออินซูลิน
ชนิดที่ 3 เป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์เพราะการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อทารกในครรภ์ได้
ชนิดที่ 4 เกี่ยวข้องกับพันธุกรรมหรือสาเหตุเฉพาะอื่น ๆ ที่ไม่จัดอยู่ใน 3 ประเภทแรก เช่น การใช้ยา เป็นต้น ส่วนในกลุ่มประวัติครอบครัวที่มีคนเป็นเบาหวาน หรือในกลุ่มผู้สูงอายุนั้นจะเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นเบาหวานเช่นเดียวกัน นอกจากนี้ทุกวันนี้คนอายุน้อยก็เป็นโรคเบาหวานกันแล้ว เพราะนิยมกินของหวานเพื่อคลายเครียดและไม่ค่อยมีเวลาออกกำลังกาย กลายเป็นพฤติกรรมอันตรายที่เพิ่มความเสี่ยงโรคเบาหวาน
โรคเบาหวานและความเครียดมีความเชื่อมโยงกันโดยตรง เพราะเมื่อเผชิญความเครียด หลายคนมักหันไปพึ่งของหวาน โดยไม่รู้ตัวว่าเป็นการเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคเบาหวาน และเมื่อป่วยเป็นเบาหวานแล้ว ภาระในการดูแลตัวเองยิ่งหนักขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการควบคุมอาหาร ออกกำลังกายตามตารางที่แพทย์แนะนำ หรือการกินยาอย่างเคร่งครัดเพื่อควบคุมโรค ซึ่งอาจทำให้เกิดความเครียดสะสม
ทำให้ผู้ป่วยเบาหวานมีโอกาสเป็นโรคซึมเศร้ามากกว่าคนทั่วไปถึง 2 เท่า และกว่า 30% ของผู้ป่วยมักประสบปัญหาสุขภาพจิตที่อาจทำส่งผลให้ละเลยการดูแลตนเอง เช่น ขาดแรงจูงใจในการควบคุมอาหารและออกกำลังกาย หรือลืมกินยาบ่อยครั้ง ส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นจนเบาหวานกำเริบ รวมถึงอาจมีภาวะแทรกซ้อน เช่น โรคหัวใจ โรคไต หรือโรคหลอดเลือดสมอง กลายเป็นวงจรอันตรายที่ส่งผลร้ายต่อทั้งสุขภาพกายและจิตใจ
ในยุคที่ “ความเครียด” เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงได้ยาก โดยเฉพาะในกลุ่มวัยเรียนและคนทำงาน แม้การกินของหวานจะเป็นตัวช่วยที่สะดวกที่สุด แต่ถ้ากินจนติดเป็นนิสัยก็อาจนำไปสู่โรคเบาหวานได้ จึงอยากให้ทุกคนลองผ่อนคลายความเครียดด้วยวิธีอื่นที่ดีกว่า อาทิ เล่นกีฬา ไปเที่ยว หรือทำกิจกรรมที่ชอบ สำคัญอย่าลืมมาตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ จะได้ไม่ต้องกังวลว่าจะเสี่ยงเป็นโรคเบาหวานในอนาคต