หลายคนอาจจะสงสัยว่า..คำสอนของพระพุทธเจ้าที่เราเคยได้ยินบ่อยๆนั้นมีจริงหรือไม่ คือ เรื่องของกรรมเก่า
เพราะว่าในโลกแห่งความเป็นจริงนั้น บางคนทำชั่วกลับได้ดี บางคนทำดีกลับได้ชั่ว เรื่องของกรรมนี้ ถ้าจะให้พูดแบบละเอียดแบบชัดๆ นั้นยากมาก
มีแต่พระพุทธเจ้าเท่านั้นที่พระองค์ทราบว่า ใครทำกรรมอะไรไว้อย่างไร
แต่ผลของการที่กรรมจะสนอง เรียกว่า วิบากกรรม ซึ่งผลอันนี้มีอยู่หลายลักษณะด้วยกันและเป็นสิ่งที่เมื่ออ่านแล้วทำให้เราเข้าใจมากขึ้นเกี่ยวกับเรื่องของวิบากทั้งหลาย
แต่ต้องเข้าใจก่อนว่า “วิบากกรรม” เป็นคำกลางๆ พอเติมคำว่า ดี กับ ชั่ว ตอนท้ายความหมายของคำก็เปลี่ยนไป อาทิ วิบากกรรมดี วิบากกรรมชั่ว เป็นต้น
พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า วิบากกรรมมี 3 ลักษณะ
ทิฏฐธรรม คือ ปรากฏทันที
อุปปัชชะ คือ ปรากฏในเวลาต่อมา
อปรปริยายะ คือ ปรากฏในกาลเวลาต่อๆไปข้างหน้าอีก
ถ้าเราเข้าใจว่า วิบากแห่งกรรมนี้เป็นแบบนี้ เราคงจะต้องทำใจได้มากขึ้นเมื่อเห็นคนที่ไม่มีคุณธรรมทำสิ่งที่ดีในสังคม ทำความชั่วต่างๆ นานา
ไม่ต้องไปใส่ใดๆ เพราะสักวันหนึ่งเขาก็ต้องได้รับผลวิบากนั้นอย่างแน่นอน เพียงแต่จะช้าหรือเร็วเท่านั้น
บางครั้งเราเองมักจะไปเร่งรัดให้ผลกรรมนั้นมาสนองเราโดยเร็วโดยไว โดยที่เราไม่ทันได้คิดว่า สิ่งที่เราคิดอาจจะไม่ใช่ก็ได้
เพราะบางคนแม้สร้างกรรมหนักแต่กรรมส่วนอื่นที่เขาทำดีเอาไว้ก็ยังมีอยู่ได้มาสนองคุณให้เขาอยู่
ดังนั้น ทำดี ได้ดีอย่างแน่นอน ได้เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น ขอให้คิดแบบนี้แล้วจะมีความสุข
ส่วนคนทำไม่ดี อย่างไรก็ต้องได้รับผลกรรมนั้นช้าเร็วก็เป็นไปในอีกลักษณะหนึ่งเช่นกันตามแต่เหตุปัจจัย
วิบากกรรมเก่าก็เป็นเช่นนี้แล