นักบวชผู้หญิงในฐานะที่เราคุ้นเคยในการเรียกขานว่า "แม่ชี" ผมมีความศรัทธาใน แม่ชีศันสนีย์ เสถียรสุต แห่งเสถียรธรรมสถาน ด้วยเพราะว่าคุณแม่ชีเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อใหญ่
ที่มาจากวัดมหาธาตุฯ ท่าพระจันทร์ กรุงเทพฯ มาสร้างวัดศิริพงษ์ธรรมนิมิต ที่ซอยวัชรพล แล้วจากนั้นก็ไปศึกษาธรรมกับหลวงพ่อพุทธทาส
ซึ่งหลวงพ่อพุทธทาสท่านเน้นสอนให้ใช้ปัญญาธรรมมิได้เน้นสมาธิธรรม แต่ก็มิได้ปฏิเสธเรื่องการภาวนาสมาธิแต่ประการใด เพียงแต่ฝึกให้ทั้งสองอย่างนั้นสมดุลกันและกัน
"สุขหรือทุกข์เริ่มต้นด้วยแนวความคิดและปัญญา" หลากหลายโครงการที่คุณแม่ชีจัดสร้างขึ้นเพื่อสอนผู้คนโดยเฉพาะสตรีที่มีความทุกข์จากสารพัดปัญหา ทั้วเรื่องการทำงาน เรื่องลูก เรื่องครอบครัว ท่านได้นำพาชีวิตและจิตวิญญาณของเธอเหล่านั้นข้ามห้วงกาลเวลาแห่งทุกข์ด้วยธรรมะ
"ความกรุณาในหัวใจ" คำง่ายๆ ที่คุณแม่สอนบ่อย เป็นแนวทางแห่งพุทธ ที่มีรอยต่อจากมหายานสู่เถรวาทแบบไทยๆ
ประโยคหนึ่งที่ยังจำได้ท่านเคยกล่าวว่า "สมาธิมากถ้าขาดปัญญาก็งมงาย ปัญญามากถ้าขาดสมาธิก็ฟุ้งซ่าน"
ความสมดุลจะทำให้ชีวิตสมดุล เรียบง่ายมีความสุขแบบไม่ซับซ้อน เพราะความซับซ้อนจะซ่อนเร้นความสุขอันแท้จริงของมนุษย์อย่างมิดชิด จนจิตไม่สามารถเข้าใจได้ว่า อะไรคือความสุขอย่างแท้จริง
สตรีมีครรภ์ในยุคหนึ่งมาเรียนรู้ธรรมเพื่อเพาะเชื้อปัญญาให้ถ่ายทอดไปถึงบุตรในครรภ์ ซึ่งนับว่าเป็นโครงการที่ช่วยกันสร้างมนุษย์แห่งคุณธรรม ให้เกิดขึ้นเหมือนเมล็ดพันธ์ุแห่งการตื่นรู้นั่นเอง
แม่ชีศันสนีย์ นำธรรมมาสร้างประโยชน์ให้แก่ผู้คนจำนวนมากมายที่มีความทุกข์ให้ผ่อนคลาย แต่ไม่เคยสร้างศรัทธาแบบความงมงายใดๆ
ท่านเน้นปัญญา คือ วิธีคิด แนวความคิด เชื่อมโยงกับหลักธรรม
สตรีบางคนทุกข์อยากฆ่าตัวตายแต่พอได้คุยกับคุณแม่แล้ว ความทุกข์คลายได้เห็นความจริงหลายเรื่อง สุดท้ายก็เปลี่ยนความคิดและมาสร้างสิ่งที่ดีๆให้แก่ตนเอง รักตัวเองในแบบฉบับที่ถูกต้อง
เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2564 คุณแม่ได้กลับคืนสู่ธรรมชาติอย่างสงบ ท่านไม่เคยคิดหอบสังขารหนีความตาย แต่รักษาเยียวยาไปตามหลักแห่งการสมดุล
เวทนาความเจ็บปวดเกิดท่านก็พิจารณาแล้วก็วางในสิ่งนั้นได้อย่างสงบ เวทนาระงับท่านก็วางด้วยใจที่สงบเช่นกัน
ขอร่วมส่งคุณแม่ชีศันสนีย์ เสถียรสุต กลับคืนสู่ภาวะธรรมชาติของธาตุขันธ์ กับกลุ่มศิษย์ของท่าน ขอธรรมทั้งปวงจงรักษาผู้มีธรรม