อาทิตย์ที่ผ่านมา ผมได้มีโอกาสต้อนรับลูกชายของเพื่อนสนิท ที่มาจากไต้หวัน โดยการมาครั้งนี้เขาได้พาผู้เชี่ยวชาญด้านการตรวจหาเซลล์มะเร็งในไต้หวันมาด้วย ซึ่งก่อนมาเขาได้ส่ง Power Point มาให้ผมดู ผมต้องสารภาพเลยว่า แรกๆ ผมก็ไม่เข้าใจว่าเนื้อหาใน Power Point นั้นมีความสำคัญแค่ไหน เพราะมันนอกไลน์ที่ผมจะรับรู้ได้จริงๆ เพราะทุกแผ่นสไลด์นั้น เป็นเรื่องของการวิจัยทางการแพทย์ทั้งหมดเลย
ดังนั้นศัพท์ต่างๆ ล้วนแล้วแต่เป็นศัพท์เฉพาะทางการแพทย์ทั้งหมด ผมมิบังอาจจะรู้ได้จริงๆ ครับ จนกระทั่งได้มีโอกาสเข้าไปร่วมนั่งฟัง ที่เขาบรรยายให้แก่อาจารย์แพทย์ผู้ทรงคุณวุฒิ จึงค่อยๆ เข้าใจบ้าง ดีที่การเข้าไปฟังครั้งนี้ มีน้องรักที่เป็นทั้งพยาบาลมืออาชีพ เป็นทั้งผู้บริหารระดับสูงของโรงพยาบาลชั้นนำของประเทศไทยไปนั่งฟังด้วย
ด้วยความที่คุ้นเคยกันมาก จึงกล้าที่จะสอบถามน้องเขาว่า ศัพท์คำนั้นคำนี้แปลว่าอะไร? แต่ก็ต้องกระซิบถามนะครับ เพราะเกรงใจผู้เชี่ยวชาญทั้งหมดที่นั่งรับฟังเขาบรรยายอยู่ ซึ่งสุดท้ายของบทสรุป ทำให้หูตาผมสว่างขึ้นเยอะมากๆ เลยครับ เรียกว่าสิ่งที่ไม่เคยรู้สิ่งที่ไม่เคยเห็นก็ได้เห็นละครับ
ต้องบอกอีกครั้งว่าผมไม่ได้เป็นหมอ และไม่ได้มีความรู้ในเรื่องการแพทย์เลย ได้แต่เพียงครูพักลักจำจริงๆ จึงคลำมาได้เพียงแต่ผิวเผินเท่านั้น แต่ก็อยากจะนำมาเล่า เพราะจะได้เห็นภาพว่าสิ่งเหล่านี้มันใกล้ตัวเราจริงๆ ครับ
ก่อนอื่นต้องขออารัมภบทเพื่อท้าวความก่อนว่า ผมมีอาจารย์ท่านหนึ่งที่ผมเคารพท่านมาก ได้กรุณาแนะนำให้ผมเปิดดูคลิปวีดีทัศน์ใน YouTube เรื่อง “14 Growing industries the Future (2022 Edition)” ซึ่งพูดถึงเรื่องของธุรกิจในอนาคต 14 ประเภท ที่ใกล้เข้ามาสู่ตัวเราทุกขณะ
เพื่อจะได้มีการเตรียมพร้อมในการรับมือกับอนาคตได้ เมื่อดูจบแล้วผมเห็นว่าเป็นประโยชน์สำหรับพวกเรามาก เลยขอนำมาเล่าเล็กน้อย เพื่อจะได้เข้าสู่สิ่งที่ผมอยากจะเล่าต่อได้อย่างไม่น่าเบื่อครับ
ในนั้นจะมีเรื่องทั้งหมด 14 เรื่อง ดังนี้ คือ 1, Internet of Things นั้นคือเรื่องของอินเตอร์เน็ต ที่ใช้ในชีวิตประจำวันในเวลานี้ ซึ่งหากเราย้อนกลับไปสัก 30 ปีที่ผ่านมา เราคงจะได้เห็นเรื่องอินเตอร์เน็ตแต่เพียงในภาพยนตร์เท่านั้น
ในยุคนั้นเราก็ได้แต่ดูแล้วก็คิดตาม ไม่คิดว่าในชีวิตนี้ เราจะสามารถนำมาใช้ในชีวิตประจำวันได้ ในยุคที่เรายังมีชีวิตอยู่เลย เรื่องที่ 2,ปัญญาประดิษฐ์ หรือ Artificial intelligence (AI) ซึ่งปัจจุบันนี้ เรามักจะมองไปที่รูปแบบของคอมพิวเตอร์ ที่สามารถใช้ได้ใกล้เคียงกับสติปัญญาของมนุษย์เรามาก เราจึงนำเอาปัญญาประดิษฐ์หรือ AI มาใช้ได้สารพัดประโยชน์เลยทีเดียว
เรื่องที่ 3,ความปลอดภัยทางไซเบอร์ (Cyber Security) ที่ทุกๆ องค์กรหรือหน่วยงานต้องตระหนักถึงความสำคัญของ Cyber Security เพราะมันสามารถให้ทั้งประโยชน์อย่างมหาศาลและโทษอย่างมหันต์ ดังนั้นจึงต้องยอมรับว่ายุคสมัยได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว จนเราต้องคอยติดตามกับยุคสมัยให้ทันครับ
เรื่องที่ 4, Genomics ซึ่งหมายถึงศาสตร์ทางด้านกลุ่มยีนหรือพันธุ์กรรม ทั้งของพืชและสัตว์รวมไปถึงมนุษย์ด้วย ในอนาคตเราคงจะได้เห็นการกำหนดสายพันธุ์ของสิ่งเหล่านี้ผ่านทางเทคโนโลยีของ Genomics นี้ได้
เรื่องที่ 5,อากาศยานไร้คนขับ หรือ Drones ในอนาคตอันไม่ไกลนี้ โดรนจะถูกนำมาใช้ในด้านต่างๆ ในชีวิตของเราได้อย่างเสมือนสิ่งทดแทนต่างๆ อย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นทางด้านการพาณิชย์ การบันเทิง การกีฬา การเกษตร การขนส่ง การจราจร การถ่ายภาพ หรือแม้แต่ทางการทหาร ฯลฯ
ซึ่ง ณ เวลานี้ ก็ได้มีการนำเข้ามาใช้ไปแล้วบางส่วน เรื่องที่ 6,Robotics หุ่นยนต์ แน่นอนว่าอนาคตจะต้องถูกนำมาทดแทนแรงงานมนุษย์อย่างไม่ต้องสงสัยเลยครับ
เรื่องที่ 7,การจำลองสภาพแวดล้อมให้เสมือนจริง หรือ Virtual Reality(VR) ปัจจุบันนี้ก็ได้เริ่มมีการนำมาใช้ในหลากหลายรูปแบบแล้ว ไม่ว่าจะเป็นทางด้านการแพทย์ ที่เห็นได้ชัดจากช่วงที่โรคระบาดโควิดที่ผ่านมา VR ได้เข้ามามีบทบาทในด้านการรักษาพยาบาลอย่างมาก
นี่จึงเป็นเพียงแค่เบื้องต้นเท่านั้น ในอนาคตเชื่อว่าจะถูกนำมาใช้อีกหลากหลายสายงานทุกๆ ด้านอย่างไม่ต้องสงสัยเลยครับ เรื่องที่ 8,เทคโนโลยีนาโน Nano Technology ที่เราอาจจะเคยได้ยินได้ฟังมามากแล้ว แต่นั่นเพียงแค่ผิวเผินเท่านั้น ในอนาคตจะต้องถูกนำเข้ามาสู่บทบาทในทุกสายงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านการแพทย์ ด้านสายงานยารักษาโรค หรือแม้แต่ชีวิตประจำวันอย่างแน่นอน
เรื่องที่ 9,พลังงานทดแทน Renewable energy เรื่องนี้เราก็ได้เห็นกันมามากแล้ว แต่อนาคตพลังงานทดแทนจะไม่หยุดเพียงแค่พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลมแค่นั้น อาจจะเห็นนักวิทยาศาสตร์คิดค้นพลังงานใหม่ๆ ที่เป็น Innovation เข้ามาอีกมากมายครับ
เรื่องที่ 10, Sharing Economy หรือการแบ่งปันในเชิงธุรกิจ ในอนาคตเราคงจะมีการนำทรัพยากรที่มีอยู่ในโลกใบนี้ มาใช้โดยการแบ่งปันกันใช้ ไม่สามารถใช้แต่เพียงคนเดียวได้ เพราะมนุษย์ที่เกิดมาบนโลกใบนี้ มีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ทุกปี จึงจำเป็นต้องแบ่งปันกันใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัด ให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อมวลมนุษย์ชาติ
เรื่องที่ 11,ระบบ E-Learning หรือการเรียนในระบบทางไกล อันนี้ไม่ต้องอธิบายมาก เพราะบ้านเราตั้งแต่โรคระบาดโควิดเข้ามา โรงเรียนในเกือบทุกประเทศก็หันมาใช้ระบบออนไลน์กันแล้ว เรื่องที่ 12, Big Data หรือระบบฐานข้อมูลใหญ่ นี่เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ที่ถูกนำเข้ามาใช้แล้วอย่างเงียบๆ โดยกลุ่มธุรกิจใหญ่หลายแห่ง และกลุ่มนักธุรกิจที่เข้าใจถึงประโยชน์ของฐานข้อมูล ซึ่งเราในฐานะคนสูงวัยมักจะตามไม่ค่อยทันครับ
เรื่องที่ 13,3D Printing การใช้ระบบ 3D ในด้านเทคโนโลยีสิ่งพิมพ์ ซึ่งปัจจุบันนี้เป็นที่นิยมใช้ในเกือบจะทุกด้านแล้วครับ เรื่องสุดท้าย 14,คือ Blockchain Technology ซึ่งเป็นการใช้ระบบโครงข่ายในการทำธุรกรรมทางการเงิน โดยใช้ควบคู่กับอินเตอร์เน็ต หรือธุรกรรมออนไลน์ ในลักษณะของโครงข่ายใยแมงมุม ที่ไม่จำเป็นต้องใช้ตัวกลางในการเข้ามาให้บริการ
ทั้ง 14 สายงานทางธุรกิจในอนาคตเหล่านี้ เราอาจจะบอกว่าไม่อยากเรียนรู้เพราะเราไม่ถนัดกับเทคโนโลยีใหม่ๆ หรือบางคนอาจจะบอกว่าแก่แล้ว ไม่จำเป็นจะต้องไปรับรู้มัน แต่ว่าหากเรายังมีเวลาเหลืออยู่บนโลกใบนี้อีกสักสิบปี เราก็จะไม่สามารถหลีกหนีมันได้เลย หรือแม้แต่คิดว่าจะไม่ใช้เทคโนโลยีเหล่านี้ ก็ไม่สามารถไม่ใช้มันได้ เพราะทุกอย่างมันเข้ามาสู่ชีวิตประจำวันของเราอย่างไม่สามารถปฏิเสธมันได้เลยครับ
อาทิตย์นี้ผมอารัมภบทยาวไปหน่อย เพราะอยากจะเล่าถึงเทคโนโลยีที่เพื่อนชาวไต้หวันนำมาเสนอ ซึ่งล้วนแล้วแต่มีส่วนเกี่ยวข้องกับ 14 Growing industries the Future หลายเรื่องด้วยกัน ในอาทิตย์หน้าผมจะเล่าให้ฟังนะครับ ว่ามีความสำคัญอย่างไรครับ