ก่อนอื่นต้องขออนุญาตกล่าวคำสวัสดีวันตรุษจีน เป็นภาษาจีนสักนิดนะครับ 敬祝各位 !新正如意! 新年快樂 ! 身體健康 !心想事成 ! เมื่อวานนี้ ผมได้อ่านข้อความจากไลน์ชิ้นหนึ่ง พูดถึงผู้ใหญ่ท่านหนึ่งที่เป็นผู้ที่มีชื่อเสียงมาก ถ้าเอ่ยชื่อไปใครๆในประเทศนี้ ต้องรู้จักท่านเป็นอย่างดี (แต่ผมขออนุญาตสงวนนามท่านไว้นะครับ) ท่านได้กล่าวถึงช่วงเวลาหนึ่ง ที่ท่านล้มหมอนนอนเสื่อ แล้วทำให้ท่านมีความรู้สึกว่า เงินทองที่สะสมมาตลอดชีวิต ทรัพย์สินที่ดินรวมทั้งบ้านช่อง ที่เคยมีมากมายหลายจังหวัด ตั้งแต่เหนือจรดใต้ ก็มีอยู่หลายหลัง ล้วนไม่มีความหมายอะไรเลย เพราะต้องมานอนในห้องเล็กๆ เท่านั้น
อีกทั้งคนที่เคยใกล้ชิดสนิทสนม ช่วงที่ท่านยังมีร่างกายแข็งแรงอยู่ ก็เข้ามารายล้อมใกล้ชิด แต่พอร่างกายมีปัญหา ต้องนอนอยู่บนเตียง ก็ต่างบอกว่าไม่ว่างที่จะมาเยี่ยมเยือน หรือแม้กระทั่งลูกหลาน ก็ยังบอกไม่ว่าง ดังนั้นพอท่านเริ่มหายดีเป็นปกติมากขึ้น ท่านจึงทิ้งทุกอย่างที่เป็นเพียงนามธรรม หันกลับมาดูแลสุขภาพของตนเอง ให้สามารถพึ่งพาตนเองได้เป็นพอ
ผมอ่านแล้วชอบมากๆ เพราะสุขภาพ เป็นสิ่งที่ใครก็ช่วยเราไม่ได้ มีเพียงเราเท่านั้นที่จะดูแลตัวเราเอง และขึ้นอยู่กับตัวเราจริงๆ ครับ เงินทองมากมายก็ไม่มีประโยชน์ ถ้าเรายังคงนอนเป็นมนุษย์ผัก ที่ต้องนอนแช่อยู่แค่บนเตียง สิ่งที่มองเห็นก็มีเพียงผนังห้องกับเพดานห้องนอนเท่านั้นครับ
นี่คือสัจธรรมของชีวิตจริงๆ ครับ ดังนั้นในด้านการดูแลสุขภาพตนเอง คงไม่เพียงแต่อาศัยปัจจัยจากภายนอกเท่านั้น ปัจจัยภายในที่สร้างได้ด้วยตัวเราเอง ก็มีความจำเป็นอย่างยิ่งครับ ดังนั้นต้องมีการส่งเสริมสุขภาพอย่างเป็นระบบเท่านั้น จึงจะช่วยในการเพิ่มความสามารถให้แก่ปัจเจกบุคคล เพื่อให้บุคคลนั้นๆ สามารถควบคุมและยกระดับสุขภาพของตนเองให้ดีขึ้นได้ เพื่อจะได้สร้างความสมบูรณ์ทั้ง ร่างกาย จิตใจของตนเอง ซึ่งจะส่งผลต่อสังคมโดยรวมด้วยครับ
ส่วนตัวของผู้สูงอายุ เมื่อมีความตระหนักถึงความสำคัญของสุขภาพตนเองแล้ว จึงจำเป็นต้องมีการวางแผนในการกำหนดการส่งเสริมสุขภาพของตัวท่านเองด้วย ก็น่าจะเป็นหนทางที่ดีที่สุด โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพาลูก-หลาน ก็สามารถทำได้ไม่ยาก ขอเพียงให้เข้าใจถึงความสำคัญในการที่จะดำรงชีวิตบั้นปลายอย่างมีความสุข ไม่ต้องกังวลถึงอาการเจ็บป่วยที่จะทำให้เราต้องติดเตียง
ดังนั้นจึงต้องกำหนดแผนในการดูแลสุขภาพดังที่กล่าวมาแล้วครับ เริ่มต้นด้วยต้องมีความมุ่งมั่นต้องมาก่อนเป็นอันดับแรก จากนั้นก็ต้องกำหนดวิธีการและทิศทางหรือเป้าหมายของเราให้ชัดเจน แล้วจึงเริ่มดำเนินการ และเมื่อดำเนินการแล้ว เราต้องมีการสำรวจผลลัพธ์ เพื่อเป็นการประเมินผลที่เราดำเนินการมา ด้วยระยะเวลาที่ชัดเจน ไม่ยาวหรือไม่สั้นจนเกินไป อาจจะมีการประเมินผลทุกๆ 3 เดือน ซึ่งจะทำให้เราใช้เวลาในการรอคอยไม่นานเกินไป
การกำหนดวิธีการดูแลสุขภาพ ผู้สูงอายุบางท่านอาจจะไม่ถนัดในการวางแผน ผมคิดว่าควรจะสอบถามผู้รู้ที่เป็นบุคคลใกล้ตัว เช่น เพื่อนๆ ที่เป็นบุคลากรทางการแพทย์ หรือผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านสุขภาพ เพราะบางครั้งเงื่อนไขด้านสุขภาพของบางท่านอาจจะไม่เหมือนกัน มีสิ่งเดียวที่เหมือนกัน คือ ร่างกายที่ใช้มานานกว่าหกสิบปี ย่อมถึงกาลเวลาที่เสื่อมถอยเหมือนกันหมดทุกคน แต่โรคภัยไข้เจ็บที่ติดอยู่กับตัวผู้สูงอายุย่อมแตกต่างกันออกไป
ดังนั้นจึงมีความจำเป็นต้องสอบถามผู้เชี่ยวชาญหรือผู้รู้ก่อน จึงจะกำหนดแผนได้ตรงกับเป้าหมายที่เราต้องการ ตัวอย่างเช่น ตัวผู้สูงอายุที่กำลังจะเข้าสู่โปรแกรมส่งเสริมสุขภาพอย่างเป็นระบบนี้ มีโรคประจำตัวด้วยการเป็นโรคเบาหวาน แน่นอนว่าโรคดังกล่าวนี้ ย่อมมีสาเหตุมาจากการที่ตัวเขาเองมีน้ำหนักตัวมากเกินเกณฑ์ปกติ หรือเป็นมาตั้งแต่กำเนิดโดยเกิดจากพันธุกรรม
ซึ่งการดูแลก็จะแตกต่างกันออกไป ตัวอย่างเช่น เมื่อเรารู้ว่าเป็นเพราะน้ำหนักตัวมาก ก็ต้องมีการดูว่าพฤติกรรมของผู้สูงอายุเป็นอย่างไร? ท่านอาจจะเป็นคนชอบดื่มน้ำอัดลม ทานอาหารที่มีรสหวานมาก หรือชอบทานอาหารที่เป็นประเภทแป้ง ที่มีคาร์โบไฮเดรตสูงมากจนเกินไป ดังนั้นต้องกำหนดให้ทานอาหารที่มีความหวานน้อย กำหนดขนาดของอาหารแต่ละมื้อ หรืองดอาหารบางชนิด การที่จะต้องออกกำลังกายทุกวัน หรือพักผ่อนให้เพียงพอ เป็นต้น
เมื่อเริ่มดำเนินการ เราจำเป็นต้องมีการจดบันทึกสถิติเก็บไว้ จากนั้นทุกๆ 3 เดือน ก็จะต้องตรวจวัดสุขภาพเพื่อประเมินผล ทำเช่นนี้ไปสักหนึ่งปี สิ่งที่ตามมาอาจจะทำให้ท่านเห็นผลงานที่ท่านอุตส่าห์อดทนทำมาตลอดทั้งปี หากผลลัพธ์ออกมาเป็นผลในทางที่บวก ก็ไม่ต้องไปเลี้ยงฉลองนะครับ เก็บความยินดีปรีดาไว้ในใจ ไม่ต้องแสดงออกก็ได้
แต่ถ้าหากไม่ประสบผลสำเร็จหรือเป็นไปในทิศทางลบ ก็ต้องรีบหาสาเหตุดูว่าเป็นเพราะอะไร? หรือเราอาจจะสำคัญผิดไป หรือสาเหตุอาจจะไม่ใช่ก็เป็นไปได้ครับ สิ่งที่จะตามมาคือความภาคภูมิใจในความสำเร็จ เอาไปคุยย้อนหลังกับเพื่อนๆ ผู้สูงอายุได้เลยครับ
อย่างไรก็ตาม ถ้าหากเราไม่มีวินัยในการดำเนินกิจกรรม คิดแทบหัวระเบิด ก็จะไม่เกิดผลอยู่ดีครับ ดังนั้นเราควรต้องมีเคร่งครัดกับตัวเราเองก่อนเสมอ ถ้าหากไม่อยากต้องมานั่งเสียใจ หรือผิดหวังตอนแก่ ที่ต้องมานอนติดเตียงแล้วละก็ ควรจะต้องเริ่มต้นตั้งแต่วันนี้นะครับ ก่อนที่จะสายเกินแก้ครับ