ในช่วงนี้เห็นสายมูทั้งหลายชื่นชอบกับการไหว้องค์เทพเทวดา ในทางพุทธศาสนานั้น การไหว้เทพเทวดาของบุคคลต่างๆ ก็เคยมีปรากฏอยู่ และมีเทพเทวดาอยู่องค์หนึ่ง ที่ได้รับการกล่าวขานและอยู่ในพระไตรปิฎก
เทพเทวดาองค์นี้คอยอภิบาลพระพุทธเจ้า หรือคอยดูแลพระพุทธเจ้า ตั้งแต่สมัยเป็นพระโพธิสัตว์ ที่คอยบำเพ็ญมาแสนนาน เทพเทวดาองค์นี้มีจิตใจเป็นสัมมาทิฏฐิ และชาวพุทธทั้งหลายพึงควรเคารพและกราบไหว้ ถ้าเกิดมีความชื่นชอบเกี่ยวกับองค์เทพเทวดา
ด้วยเหตุผลที่ว่าแม้แต่พระพุทธเจ้าก็ยังเคยกล่าวถึงนั่น แสดงให้เห็นว่าเป็นองค์เทพเทวดาที่มีอยู่จริง มิใช่อยู่แค่เพียงในตำนาน หรือเรื่องเล่าที่กล่าวขานกันมา
ท้าวสักกะเทวราชหรือพระอินทร์นั่นเอง เป็นเทพที่ชาวพุทธที่ชื่นชอบ องค์เทพเทวดาควรหันมากราบสักการะ เพราะท่านเป็นผู้มีฤทธิ์มาก ตลอดทั้งยังคอยดูแลปกป้องพระพุทธศาสนา เพื่อให้ครบอายุ 5,000 ปี อีกด้วย
องค์เทพเทวดาท้าวสักกะเทวราชนี้ ไม่จำเป็นต้องมีการสร้างรูปเคารพขึ้นมา เพียงแค่เราสวดมนต์ นั่งภาวนา แล้วน้อมใจระลึกนึกถึงพระองค์ ก็จะรับรู้ด้วยญาณวิถี และจะอวยชัยให้พรแก่ผู้ที่ประพฤติธรรมมีศีล มีธรรมในใจ ให้มีชีวิตที่ราบรื่น มีความสุขได้
ดังนั้นชาวพุทธสายมู ควรทำความรู้จักและน้อมกายใจมาเคารพสักการะท้าวสักกะเทวราชสิ่งใดที่ปรารถนาก็จะสำเร็จ
ในอดีตเคยมีนักปฏิบัติธรรมท่านหนึ่ง หรือที่เรารู้จักในนามแม่ชีบุญเรือน โตงบุญเติม เคยนั่งภาวนาจนสามารถได้อภิญญา ในคราวหนึ่งท้าวสักกะเทวราชได้มาแนะนำคาถาให้ เพื่อให้ไปบอกกับผู้คนที่ปรารถนาจะมีชีวิตที่ราบรื่น และมีความสุข ได้สวดและภาวนากัน แม่ชีบุญเรือนก็นำคาถานั้นมาเผยแพร่ คาถานี้ชื่อ พระฉิมพลี
นะโม 3 จบ
(นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุท ธัสสะ)
นะชาลีติฉิมพาลี จะ มหาเถโร
สุวรรณะมามา โภชนะมามา วัตถุวัตถามามา
พลาพลังมามา โภคะมามา มหาลาโภมามา
สัพเพชะนา พหูชะนา ภวันตุเม
แม่ชีบุญเรือนเป็นนักปฏิบัติที่เคร่งครัดมาก ดังนั้น สิ่งที่ท่านนำมาเผยแพร่ ที่อ้างว่าได้จากท้าวสักกะเทวราช ย่อมมีมูลความจริง เพราะในบันทึกกล่าวว่า ท่านได้มาในปีพ.ศ. 2506 ในสมาธิจิต
ขอความสุขทั้งปวงจงปรากฏแก่ทุกท่านตลอดไป