ผู้ที่เป็นเทวดาเวลาที่จะลงมาอุบัติเป็นมนุษย์ จะเริ่มมีกลิ่นตัว มีเหงื่อ นี่คืออาการที่จะละจากสวรรค์ลงมาอุบัติเป็นมนุษย์ การตายจากความเป็นเทวดา ก็ตายแต่ร่างกายที่เป็นทิพย์ แต่จิตวิญญาณยังคงอยู่
มนุษย์ก็เป็นเช่นเดียวกัน ที่เวลาจะละ ก็ละแต่เพียงสังขารร่างกาย แต่จิตวิญญาณยังคงอยู่ เพื่อไปอุบัติอาศัยอยู่ในร่างกายใหม่ ส่วนจะเกิดเป็นอะไรก็แล้วแต่บุญกรรมที่ทำไว้
นี่เป็นธรรมชาติชนิดหนึ่งของสิ่งมีชีวิต ที่พระพุทธเจ้าทรงเรียกสรรพนามรวมๆ กันด้วยคำว่า "สัตว์" เราจะเห็นได้จากพระไตรปิฎกที่พระองค์ตรัสหลายครั้งหลายแห่งและหลายบริบท
"สัตว์ทั้งหลาย..." เป็นต้น นี่รวมถึงมนุษย์ เทวดา และ เปรต อสุรกายและสัตว์เดรัจฉานด้วยย่อมไม่ผิด
สิ่งมีชีวิตที่มีจิตวิญญาณ แต่มีร่างกายต่างกันนั่นคือสัตว์ทั้งสิ้นในคติของพระพุทธเจ้า การเกิดบนดาวโลกดวงนี้
บางคนเกิดมายากลำบากเพราะกรรมชั่วส่งผล ครั้นยังทำชั่วอีกตอนมีชีวิต เวลาตายไปแล้วก็ไปตกระกำลำบากอีก ได้ร่างกายเป็นสัตว์เดรัจฉาน หรือเปรต อสุรกายบ้าง พระพุทธเจ้าตรัสว่า ตโม ตมปรายโน คือ ผู้มามืดกลับไปมืด
บางคนเกิดด้วยความยากลำบากเพราะกรรมชั่วส่งผลมา แต่เมื่อเกิดแล้วสร้างแต่กุศลกรรมที่ดี ตอนตายจากโลกนี้ไปได้เป็นเทพเทวดา ได้ไปอุบัติในที่ที่ดีเพราะกุศลที่ทำนั้นหนุนนำพระพุทธเจ้าตรัสว่า ตโม โชติปรายโน คือ ผู้มามืดกลับสว่าง
บางคนตอนเกิดมาเป็นมนุษย์ อยู่สุขสบายเพราะกุศลเก่าเกื้อกูลหนุนนำ ส่งผลแต่เกิดมาแล้วสร้างแต่อกุศลกรรม ชีวิตหลังความตายของเขาจะต้องไปสู่ภพภูมิที่ไม่ดีอย่างแน่นอนพระพุทธเจ้าตรัสว่า โชติ ตมปรายโน คือ ผู้มาสว่างแต่กลับไปด้วยความมืด
บางคนนั้นเกิดมาด้วยบุญกุศลส่งให้มีชีวิตที่ดี ชีวิตสบายมีความสุข ครั้นยังคงทำแต่คุณงามความดีสร้างแต่กุศลด้วย เวลาตายก็ไปเกิดในที่ที่ดี พระพุทธเจ้าตรัสว่า โชติ โชติปรายโน คือ ผู้มาสว่างกลับไปด้วยความสว่าง
เวลาที่ไปบรรยายให้องค์กรรัฐ องค์กรเอกชน ในด้านพัฒนาตนเองทางฝ่ายจิตวิญญาณ เกี่ยวกับการทำงานให้องค์กรบรรลุเป้าหมาย บ่อยครั้งที่พูดสอดแทรกหัวข้อนี้ ทำให้หลายคนตระหนักรู้มากขึ้น ถึงกระบวนการชีวิตของสัตว์ทั้งหลาย
สิ่งที่เห็นชัดมากที่สุด คือ สิ่งที่มนุษย์พึงควรทำกลับไม่ทำ แต่ไปทำในสิ่งที่ไม่ควรทำ
มนุษย์ที่มักใฝ่สูงมากๆ โดยมากพื้นฐานชีวิตมาจากที่ต่ำ อันนี้เป็นกฎธรรมชาติอย่างหนึ่ง คือ เกิดมาลำบาก จะกินจะใช้ ก็จำกัดจำเขี่ย มันเลยเป็นปมด้อย จึงมุ่งพัฒนาให้ตนเองมีทรัพย์ จนลืมเรื่องฝ่ายพัฒนาจิตวิญญาณของตนเอง
คนรุ่นใหม่ไม่ค่อยเชื่อเรื่องจิตวิญญาณและศาสนา เพราะมองไปว่าเป็นการครอบงำเพื่อให้ปกครองง่าย อันนั้นเขามองโดยใช้แต่ด้านฐานความคิดในด้านการปกครองนำอย่างเดียว...
แต่เมื่อไหร่ที่เขาได้สัมผัสความยากลำบากของชีวิตหรือเข้าใกล้ความตาย เมื่อนั้นเขาอาจจะพอคิดได้บ้าง
ดังนั้น ชีวิตเรา เราเลือกเอง จะมืดกลับสว่าง หรือ มาสว่างกลับสว่าง ส่วนที่เราเห็นนักการเมืองบางคน รัฐมนตรีบางคน ทั้งรัฐบาลเก่ารัฐบาลไหนๆ ก็ตาม ทำสิ่งชั่วร้าย เห็นข้าราชการบ่าแข็งบางคนทำสิ่งชั่วร้าย แล้วยังมีชีวิตสุขสบาย ไม่ต้องไปอิจฉาเขาหลอก เพราะวันหนึ่งความวิบัติต้องมาถึงทั้งก่อนตายและหลังความตายอย่างแน่นอน
ติดตามราชรามัญ / วิทยากร / บรรยาย https://www.facebook.com/rajraman164