ความจริงแล้วคำสอนของพระพุทธเจ้า ล้วนเป็นแนว How-to คือ สอนว่าจะต้องทำอย่างไรจึงบรรลุธรรมหมดทุกข์บ้าง ทำอย่างไรให้ร่ำรวยในการค้า ทำอย่างไรให้อายุยืน ทำอย่างไรให้มีรูปงาม เป็นต้น
อย่างเรื่อง เหตุที่ทำการค้าแล้วร่ำรวย พระองค์ท่านก็สอนเช่นเดียวกัน หลายท่านอาจอยากจะรู้ว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร
ในคัมภีร์ได้บันทึกเอาไว้อย่างชัดเจน เมื่อมีคนไปถามพระพุทธเจ้าว่าทำไมพ่อค้าบางคนค้าขายอะไรก็ร่ำรวย ทำไมพ่อค้าบางคนค้าขายอะไรก็ขาดทุน พระพุทธเจ้าทรงเล่าถึงเรื่องอดีตชาติให้ฟังว่า ผู้ที่ค้าขายอะไรก็ร่ำรวยนั้นเขาสร้างเหตุไว้อย่างไร และพ่อค้าที่ค้าขายอะไรก็ขาดทุนสร้างเหตุไว้อย่างไร
พ่อค้าบางคนค้าขายอะไรก็ร่ำรวย ประสบความสำเร็จโดยง่าย พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า เพราะในอดีตชาติเขาเคยรับปากว่าจะถวายของแด่สมณะชีพราหมณ์ ครั้นถึงเวลาเขาก็ถวายและจำนวนที่ถวายนั้นมากเกินกว่าที่เขาบอกไว้ อาทิ บอกจะถวายข้าวสาร 1 ถัง แต่ถวายจริง 5 ถัง เป็นต้น
ดังนั้น เมื่อถึงชาตินี้เขาทำค้าขายอะไรจึงประสบความสำเร็จได้ง่าย ร่ำรวยได้เร็วกว่าผู้อื่น
พ่อค้าบางคน ค้าขายอะไรก็ประสบความสำเร็จร่ำรวย แม้ว่าจะช้าบ้าง พระพุทธเจ้าทรงตรัสสอนว่า เพราะในอดีตชาติก็เคยรับปากว่าจะถวายของแก่สมณะชีพราหมณ์ท่าน ถึงเวลาเขากลับถวายช้าและถวายครบตามจำนวนที่รับปากไว้ ดังนั้น เมื่อถึงชาตินี้เขาค้าขายอะไรจึงต้องใช้เวลานานจึงประสบความสำเร็จร่ำรวย
พ่อค้าบางคนค้าขายอะไรก็ไม่ประสบความสำเร็จไม่ร่ำรวย พระพุทธเจ้าทรงตรัสสอนว่า เพราะในอดีตชาติเขาเคยรับปากจะถวายของแด่สมณะชีพราหมณ์ ครั้นถึงเวลาเขาไม่ได้ถวายตามที่รับปากไว้แม้แต่น้อย ดังนั้น เมื่อถึงชาตินี้เขาค้าขายอะไรก็ต้องประสบปัญหาขาดทุนโดนโกงอยู่บ่อยครั้ง
พ่อค้าบางคนค้าขายอะไรก็พบแต่ความเสมอตัวไม่ได้กำไรใดๆ ทั้งสิ้น พระพุทธเจ้าทรงตรัสสอนว่า เพราะในอดีตชาติของเขาเคยรับปากสมณะชีพราหมณ์ว่าจะถวายของจำนวนเท่านั้นๆ ทั้งถึงวันจริงที่ถวายตรงตามเวลา แต่ถวายน้อยกว่าจำนวนที่รับปากไว้ อาทิ บอกจะถวายข้าว 10 ถัง แต่ถวายจริงแค่เพียง 5 ถัง เป็นต้น
ดังนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกใบนี้ไม่มีเรื่องใดๆ เป็นเรื่องบังเอิญ เพราะทุกอย่างมีเหตุปัจจัยมาแล้วแต่อดีต และเมื่อมาสมทบกับเหตุต่างๆ ที่กระทำในปัจจุบันชาติจึงมีการส่งเสริมซึ่งกันและกัน จึงทำให้มีผลลัพธ์ที่แตกต่างกันออกไป
เรื่องของอดีตชาติเป็นเรื่องที่ยากนักจะอธิบายให้เข้าใจ ผู้ที่ได้เรียนรู้พระพุทธศาสนาและเคยอ่านพระไตรปิฎกอย่างลึกซึ้งครบถ้วนย่อมจะเคยพบพระสูตรนี้ ซึ่งต้องบอกเลยว่าเป็นการสอนที่แยบยล สุขุมคัมภีรภาพมาก
เมื่อรู้อย่างนี้แล้ว ท่านที่เป็นพ่อค้าก็ควรจะต้องมีสติในการที่จะทำบุญสุนทรทาน และควรหมั่นทบทวนเสมออยู่เนืองๆ ว่า เรารับปากจะทำการใดให้แก่เหล่าสมณะชีพราหมณ์นั้น ก็ขอให้ตั้งใจทำให้ตรงเวลา ถ้ามีมากก็ทำเกินจำนวนได้ แต่ถ้ามีน้อยก็ทำตามจำนวนที่รับปากไว้ แต่ต้องตรงเวลา ดังนั้น ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร การทำบุญของคุณก็อยู่ในกฎเกณฑ์ทั้ง 4 ข้อตามที่กล่าวมา
พระพุทธเจ้าพระองค์ทรงพูดแต่คำจริง คำตรง ไม่มีคำว่าและ, แต่, หรือ ใดๆ ทั้งสิ้น พูดอย่างไรเป็นอย่างนั้นตลอดเวลา ท่านที่ทำธุรกิจการค้า ถ้าอยากประสบความสำเร็จ ควรทำตามที่พระพุทธเจ้าสอนอย่างเคร่งครัดและถูกต้อง ทุกอย่างของการทำการค้าจะทำให้คุณได้ผลลัพธ์ตามต้องการ