การเมือง การพระ

จะว่าไปแล้วทุกสรรพสิ่งบนโลกใบนี้ เป็นดั่งที่พระพุทธเจ้าทรงสอนอย่างแท้จริง เพราะว่าทุกอย่างนั้นเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ไม่ว่าคุณจะเป็นคนธรรมดาหรือจะเป็นนักบวช ทุกสิ่งอย่างก็อยู่ในกฎพระไตรลักษณ์นี้เช่นกัน

วันนี้สังคมไทยค่อนข้างรุนแรงในเรื่องของการเมือง ซึ่งจะว่าไปแล้วการเมืองเป็นเรื่องใกล้ตัว เป็นเรื่องของการดำรงอยู่ เพื่อบริหารจัดการส่วนรวมในหลายๆ มิติ เพื่อให้ประเทศชาติประชาชนมากกว่าให้ตัวนักการเมืองเอง

ผู้มีอำนาจวาสนาได้เป็นเสนาบดีควบคุมกระทรวง ทบวง กรม ในระนาบรัฐมนตรี ย่อมเป็นบุคคลที่ใครต่อใครต่างปรารถนาที่จะเข้าหา แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่อำนาจลดน้อยถอยลง ก็ย่อมจะเห็นสัจธรรมแห่งความจริงว่า บุคคลที่เคยเข้าหาอาจหายหน้าไป

โลกก็เป็นเช่นนี้แหละ

ในยามที่บุญวาสนาส่ง ชี้นกเป็นนกชี้ไม้เป็นไม้ ผู้ที่เป็นรัฐมนตรีหรือสูงกว่านั้นบางครั้งจุดเดือดเริ่มต่ำ หูเบาทั้งสองข้าง เอาแต่ใจ นี่เป็นอาการเหลิงอำนาจที่ต้องควรสังวรเอาไว้ให้หนัก เพราะสักวันหนึ่งสิ่งที่มีก็อาจจะไม่มีเหมือนเดิม

เราทุกคนต่างมีบุญวาสนาเป็นของตัวเอง ไม่ว่าจะดำรงอยู่ในอาชีพอะไรก็ตาม แม้แต่เป็นนักบวชในสังคมนั้นก็มีการเมือง การพระปกปิดซ่อนเร้นเป็นศิลปะ โดยเฉพาะพระสายปกครองที่มักจะนิยมลูกศิษย์ลูกหาที่มีวาสนาบารมีเป็นนายกฯ เป็นรัฐมนตรีอยู่ข้างกายเสมอ

อาจกล่าวได้ไม่ผิด คำการเมือง การพระคือเรื่องเดียวกันกับสังคมในวันนี้ ดังนั้น ผู้ที่มีความเคารพศรัทธาในพุทธศาสนาควรที่จะต้องมองให้ดี พิจารณาให้เห็นพระสงฆ์องค์เณรรูปใดที่จะทำการอัญชลีควรอยู่ในศีลในธรรมมากกว่าที่จะมุ่งตรงดำรงไปในฝ่ายการเมือง การพระ

แต่พระป่า พระปฏิบัติ มุ่งเน้นชัดไม่สนใจการบ้านการเมืองพึงภาวนารักษาจิตใจให้สงบให้เกิดปัญญาไม่พึงปรารถนา ยศถาบรรดาศักดิ์ มีการภาวนาเป็นวิหารธรรม มีความคิดจิตใจที่มุ่งเน้นเป็นกุศล พระสงฆ์แบบนี้แหละควรกราบควรไหว้

แต่ถ้าเจอพระสงฆ์สายปกครองรูปใดชอบการเมืองการพระ ควรงดละเสียที่จะให้การเคารพศรัทธา เพราะไม่มีอะไรที่แตกต่างกับคนธรรมดาทั่วไป พระดีจะไม่มุ่งยุ่งการเมือง พระดีจะไม่สนใจประชาธิปไตย แต่พระดีจะสนใจธรรมาธิปไตย

กราบพระยุคนี้ควรพิจารณาให้ดีมิเช่นนั้นจะกลายเป็นเอาว่า

กราบพระพุทธไปโดนทองเหลือง

กราบพระธรรมไปโดนใบลาน

กราบพระสงฆ์ไปโดนลูกน้องนักการเมือง

ใช้หลักธรรมพิจารณาแล้วจะเห็นความจริงว่าพุทธศาสนาสอนอะไร