บาทบริจาริกา ในพรหมลิขิต ขัดศีลธรรมหรือไม่

จากเรื่องราวในละครพรหมลิขิตที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างยิ่ง เพราะเป็นละครที่อิงประวัติศาสตร์ในบางช่วงบางตอน และละครเรื่องนี้ทำให้เราได้เห็นถึงขนบธรรมเนียมประเพณีต่างๆ ที่มีมาตั้งแต่โบราณกาลหลายๆ ประเพณี

ในฉากตอนหนึ่งที่นางพุดตานเข้าถวายตัวกับพระเจ้าท้ายสระ แต่ก่อนที่จะถวายตัว นางได้สนทนากับพระเจ้าท้ายสระว่า นางไม่ยอมและบอกว่านางมีคู่รักอยู่แล้ว ท้ายที่สุดพระเจ้าท้ายสระก็มิได้ขัดขืนขัดใจใดๆ และมิได้ให้นางถวายตัว

จึงกล่าวได้ว่านี่คือคุณธรรมและศีลธรรมอันงดงามของพระเจ้าท้ายสระ หากจะกล่าวว่าการที่ผู้ใดคนหนึ่งจะเป็นบาทบริจาริกา ต้องมีองค์ประกอบครบจึงถวายตัวได้ ดังนั้น ผู้เป็นบาทบริจาริกาจึงมิได้ ผิดศีลผิดธรรมหรือขัดต่อหลักพุทธศาสนาแต่ประการใด เพราะผู้ที่จะถวายตัวต้องมีองค์ประกอบครบ ดังนี้

• เป็นบุคคลที่ไม่ถูกขืนใจ ในการที่จะมาเป็นบาทบริจาริกา
• เป็นบุคคลที่บิดามารดา ให้การสนับสนุนและยอมรับ
• เป็นบุคคลที่มิเคย ผ่านการแต่งงานมาก่อนแต่อย่างใด
• เป็นบุคคลที่มิได้เป็นที่หมายปองหรือมีคู่รักอยู่แล้ว แม้ยังไม่ได้แต่งงาน

อย่างนั้นถ้าเราเข้าใจในลักษณะของการประพฤติผิด ในด้านกาเมฯ อย่างแท้จริงเราก็จะรู้ว่า การเป็นบาทบริจาริกา ไม่ได้ขัดกับศีล ขัดกับธรรมแต่ประการใด

เพราะศีลข้อกาเมฯ นั้น เป็นการประพฤติในลักษณะของผิดศีลผิดธรรม อาทิ บิดามารดาไม่ได้รับการสนับสนุน ฝ่ายหญิงอาจถูกข่มขืนใจบังคับตลอดทั้ง ฝ่ายหญิงอาจมีคู่รักอยู่แล้วหรือมีสามีอยู่แล้ว เป็นต้น

เรื่องของการที่ผู้ชายไปนอนกับหญิงอื่นที่ไม่ได้แต่งงาน แม้จะเป็นการมีความสัมพันธ์ชั่วครั้งชั่วคราว ถ้าผิดศีลจริงในครั้งพุทธกาลพระพุทธเจ้า ก็คงจะสั่งห้ามและตักเตือนในแต่ละเมือง ในยุคนั้นต่างก็มีหญิงงามเมืองหรือโสเภณีกันทุกเมือง แต่พระองค์ก็มิได้ทรงห้ามแต่ประการใด เพราะการกระทำของหญิงงามเมืองนั้น เป็นการกระทำที่เปิดเผยและถูกกฎหมายในบ้านเมืองนั้น

สตรีที่จะเป็นหญิงงามเมืองหรือโสเภณีในครั้งพุทธกาลจะต้องได้รับการแต่งตั้งประกาศอย่างเป็นทางการจากผู้ปกครองนครนั้นๆ และมีการประกาศไปทั่วเมืองว่าหญิงนางนี้ โคตรนี้มียานามนี้โคตรนี้ มารดานามนี้โคตรนี้ ได้อนุญาตให้เป็นหญิงงามเมืองด้วยความเต็มใจ จึงได้มีการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการ ติดประกาศทั่วเมือง และยังบอกด้วยว่า มีค่าบริการคืนละเท่าไหร่ อย่างชัดเจน

นี่ถือว่าเป็นหญิงงามเมืองอยู่โสเภณีอย่างถูกต้อง เพราะมิได้แอบกระทำ ได้รับการสนับสนุนทั้งจากทางครอบครัวและได้รับการรองรับจากทางการ ดังนั้น จึงเป็นอาชีพที่ไม่ผิดกฎหมาย และไม่ขัดต่อศีลธรรมอันดีงาม แม้กระทั่งผู้ชายที่จะมาเที่ยวผู้หญิงงามเมือง ก็จะต้องได้รับอนุญาตจากภรรยา แต่ถ้ายังไม่แต่งงานก็จะต้องได้รับอนุญาตจากผู้ปกครองเช่นพ่อแม่ เป็นต้น

การเที่ยวนั้นจึงไม่ถือว่าเป็นการผิดศีลข้อกาเมฯ ใดๆ ทั้งสิ้น เพราะมีการยินยอมพร้อมใจทั้งสองฝ่าย แต่ถ้าเป็นการแอบกระทำไม่ว่าฝ่ายชายหรือฝ่ายหญิง นั่นจึงเรียกว่า ผิดศีลข้อกาเมฯ

ดังนั้น ถ้าเราเข้าใจศีลข้อกาเมฯ อย่างละเอียด แจ่มแจ้ง ก็ย่อมจะเข้าใจ ละครพรหมลิขิตตอนที่นางพุดตานถวายตัวเป็นบาปบริจาริกากับพระเจ้าท้ายสระ ได้อย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น