ผู้ที่ศึกษาธรรมะ เมื่อศึกษาไปเรื่อยๆ ก็มีการตั้งเป้าหมาย อย่างที่จากพ้นทุกข์โดยเด็ดขาด จึงบอกกับตัวเองว่า จะต้อง บรรลุธรรม
คำว่าบรรลุธรรม ตั้งแต่โสดาบันขึ้นไป ก็เรียกว่าบรรลุธรรม ถึงที่สุดเป็นพระอรหันต์ ก็เรียกว่าบรรลุธรรม แต่คำที่เป็นศัพท์เทคนิคแบบนี้ เมื่อฟังแล้วค่อนข้างรู้สึกว่ายาก รู้สึกว่าลำบาก รู้สึกว่าต้องรอชาติหน้าหรืออีกหลายๆชาติ เราจึงสามารถที่จะเข้าถึงได้
แล้วก็ทำให้ผู้คนที่เป็นนักปฏิบัติบางคนเบื่อหน่าย และสิ้นหวังท้อแท้ที่สุดแล้ว ก็เลิกปฏิบัติธรรมไป เพราะมีความคิดความรู้สึกที่ว่า ถึงอย่างไรชาตินี้เราก็ไม่สามารถบรรลุธรรมได้ กระทั่ง ได้มีโอกาส ศึกษาธรรมะของพ่อแม่ครูบาอาจารย์ ในสายธรรมยุตหลายๆท่าน จึงทำให้เกิดแนวความคิด บางอย่างขึ้นมา
พระพุทธเจ้า ทรงเน้นสอนให้อยู่กับปัจจุบันขณะ เมื่ออยู่กับปัจจุบันมากๆ ก็จะไม่มีอดีตหรืออนาคตเข้ามาแทรกแซง เมื่อไม่มีอดีตไม่มีอนาคตเข้ามาแทรกแซง ความทุกข์ก็น้อยลง
เพียงแค่ความทุกข์น้อยลง ชีวิตคนเราก็มีความสุขมากขึ้น ส่วนเมื่อมีความทุกข์น้อยลงเขาเรียกว่าบรรลุธรรมหรือไม่ ไม่ต้องไปสนใจ เพียงแค่ความทุกข์ในใจ มีน้อยลง ชีวิตเราก็กำไรแล้ว
เทคนิคที่จะทำให้ อยู่กับปัจจุบันได้ดีที่สุด จากประสบการณ์ที่เป็นนักปฏิบัติธรรมมา คือ การเล่นกับความคิด ไม่น่าเชื่อว่าความคิดมันเกี่ยวโยง ไปกับทุกสิ่งทุกอย่าง แล้วมีผลลัพธ์คือความสุขและความทุกข์ให้กับตัวเรา
ความคิดไม่ว่าจะคิดเรื่องอดีตคิดเรื่องอนาคต เราไม่ควรไปคิดถึง เราควรมีความคิดทั้งหมดอยู่กับปัจจุบันขณะ การที่จะให้ความคิดอยู่ในปัจจุบันขณะได้นั้น มีข้อรายละเอียดปลีกย่อย ดังนี้
ไม่คิดเรื่องราว ที่ยังมาไม่ถึง
ไม่คิดเรื่องราว ที่ผ่านไปแล้ว
ไม่คิดเรื่องราวที่ทำให้เราเป็นทุกข์
ไม่คิดถึงเรื่องราวที่เป็นไปไม่ได้
ลำดับต่อมา เมื่อเห็นสิ่งข้างนอก ก็ไม่ควรนำมา คิด พิจารณา ใดๆทั้งสิ้น ถ้าเกิดสิ่งนั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับชีวิตของเรา
เมื่อได้เห็นสิ่งต่างๆ เห็นแล้วไม่ต้องนำมาคิดต่อเมื่อได้เห็นสิ่งต่างๆ เห็นแล้วไม่ต้องสงสัย
เมื่อได้เห็นสิ่งต่างๆ ไม่ต้องความเข้าใจหรือไม่เข้าใจ
เหตุผลที่ให้เล่นกับความคิดเพื่อทำให้ความทุกข์น้อยลง เป็นเพราะว่าเจ้าความคิดนี่แหละคือตัวต้นตอแห่งปัญหา เพราะเมื่อความคิดเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม สิ่งที่ตามมา คือความรู้สึก เมื่อมีความรู้สึก ก็จะมีความ ต้องการที่จะลงมือกระทำในเรื่องนั้นๆ
ความคิดโดยศัพท์เทคนิค ทางศาสนา คือสังขารปรุงแต่ง ดังนั้น ถ้าเราสามารถดับความคิดได้ หรือ เปล่าอีกนัยยะหนึ่งว่า เล่นกับความคิดได้ ความทุกข์เราจะน้อยลง ทันทีเพราะเราจะเห็นความคิดของเราทุกๆขณะ ในปัจจุบัน
เมื่อเราเล่นความคิดบ่อยๆ ที่สุดแล้วเราก็จะเห็นความคิดของเราเห็นตั้งแต่ก่อนที่จะคิด ซึ่งถ้าใครสามารถมาสู่ จุดนี้ได้ ความคิดทั้งหมดทั้งปวง จะอยู่กับปัจจุบันขณะ ค่อนข้างนาน ไม่วอกแวกส่งออกนอกตัว ส่งออกนอกใจ
แต่อาการหนึ่งที่ผู้ปฏิบัติ กับการเล่นความคิด ต้องทำความเข้าใจก็คือ เมื่อความคิดอยู่กับปัจจุบันมากๆภาวะหนึ่งที่จะต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน ก็คือ อาจจะไม่สามารถคิดถึงเรื่องที่ผ่านมาในอดีตได้อย่างรวดเร็ว บางครั้งจะต้องค่อยๆนึก ค่อยๆคิด จึงจะสามารถคิดถึงเรื่องที่ผ่านมาแล้วหรืออดีตได้
เพราะการฝึก เล่นกับความคิดนี้ เน้นให้คุณอยู่กับปัจจุบันขณะ มากกว่าที่จะหอบพาความคิดไปคิดถึงอดีตหรืออนาคต ซึ่งจะทำให้ เราเกิดความรู้สึก ที่เป็นทุกข์มากขึ้น
เมื่อความคิดของเรา อยู่กับปัจจุบันขณะ เป็นความคิดในเชิงบวกเป็นความคิดในเชิงกุศล มากขึ้นเท่าไหร่ เราย่อมมีความรู้สึกที่เป็นบวกที่เป็นกุศลในจิตใจมากเท่านั้น ผมจึงเลิกคิดถึงคำว่าบรรลุธรรม ออกไปจากชีวิตเนิ่นนานแล้ว แต่ผมมีความสุขกับการอยู่กับปัจจุบัน ด้วยการที่เล่นกับความคิดเช่นนี้
"ความคิดทำให้เกิดความรู้สึก ความรู้สึกทำให้เกิดการกระทำ"
รู้ธรรมะแค่นี้ แล้วนำเอามาใช้กับชีวิตอย่างจริงจัง ไม่ต้องไปปีนบันไดเรียนรู้ มากเรื่องหลายราว แต่สุดท้ายก็ยังนำเอามาใช้จริงกับชีวิตไม่ได้
ดับทุกข์ให้ตัวเองก็ไม่ได้ แล้วจะรู้เรียนธรรมะไปเพื่ออะไร ต่อให้เป็นมหาเปรียญ ถ้านำเอามาใช้จริงไม่ได้กับชีวิต ความรู้ที่มีนั้น ก็เป็นแค่ ใบลานเปล่า เสียเวลาชีวิตที่ไปเรียนรู้ อยู่แบบเปลืองข้าวเปลืองน้ำญาติโยม มีชีวิตเหมือนหยดน้ำ ในกะลาคว่ำ ก็แค่นั้น