พระอาจารย์ สอนเรื่องกรรมฐาน เรื่องจิต
สารพัดจะแนะนำให้ฝึกจิตเพื่อพบความว่าง
เพื่อให้จิตสงบ เพื่อให้จิตนิ่ง การเน้นสอนแบบนี้ยังไม่ใช่ธรรมะของพระพุทธเจ้าเลย แต่ก็ไปอ้างต่างๆ นานาว่าเป็นของพระพุทธเจ้า บางครั้งเห็นแล้วก็อยากย้อนถามกลับพระมหาเถระทั้งหลายว่าท่านปล่อยให้แนวคิดแบบนี้ให้มาสอนญาติโยมได้อย่างไร ทั้งที่ท่านก็รู้ว่ามันไม่ใช่
ในวันที่สอนกับปัญจวัคคีย์ทั้งห้า พระพุทธองค์ทรงตรัสว่า
"สิ่งใดเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้นย่อมดับเป็นธรรมดา"
ด้วยธรรมข้อนี้ หมายถึงว่า เมื่ออะไรมากระทบทำให้เกิดความรู้สึก ทำให้เกิดอารมณ์ เราจงมองทุกสิ่งนั้นให้เป็นเรื่องธรรมดาให้ได้ เมื่อมองเห็นเป็นแบบนี้แล้วทุกอย่างมันก็จะผ่านไป เพราะเหตุแห่งการดับ
จึงเป็นการยืนยันชัดแจ่ม ว่าท่านไม่ได้สอนให้มีใจนิ่งๆ ไม่สนใจการกระทบอารมณ์ แต่ท่านสอนว่า อะไรมากระทบทางหู ตา จมูก ลิ้น กาย ใจ ให้เรามีความรู้สึกตัวด้วยสติสัมปชัญญะ กับอารมณ์ที่เกิดขึ้น และให้รู้ว่าเมื่อเกิดขึ้นเดี๋ยวก็ดับลง
ไม่ใช่ไปห้าม ไปสะกด ไม่ให้จิตรับรู้ ไม่ว่าเรื่องนั้นจะดีหรือไม่ดี กุศลหรืออกุศล จิตควรรับรู้ รู้แล้วก็วางลง รู้อย่างเท่าทันว่า เกิดแล้วเดี๋ยวก็ดับลง
เมื่อเรามีความรู้สึกตัว ทุกข์ก็ดับไม่เหลือใดๆ เพราะเราทันอารมณ์ที่มากระทบ แต่ถ้าไม่เท่าทันอารมณ์ นั้นเป็นเพราะเราขาดสติ จึงไม่มีความรู้สึกตัว
หลวงพ่อเทียน จิตฺตสุโภ ท่านจึงสร้างอุบายการเคลื่อนมือ 14 จังหวะ เพื่อปลุกเร้าสติ ปลุกเร้าสัมปชัญญะหรือความรู้สึกตัวให้เกิด เมื่อเกิดความรู้สึกตัว ชีวิตก็ไม่ทุกข์ ไม่ร้อน ในเรื่องอารมณ์ เป็นภาวะสงบแบบมีความรู้สึกตัว สงบแบบตื่น ไม่ใช่สงบแบบนั่งดับดิ่งนิ่งทึบในสมาธิ ให้หลงเพลินในปีติสุข
ด้วยเหตุ หลวงพ่อเทียนนั่งสมาธิมา 20 ปี ท่านก็ยังมีความโกรธตัวเองอยู่จากการสังเกตของท่านเมื่อมีเรื่องที่ไม่ชอบไม่สบายใจ ท่านยังมีใจเป็นทุกข์ เมื่อท่านใช้ความเคลื่อนไหวมือไปมาเป็นจังหวะท่านกลับพบว่า จิตตื่น แล้วก็นิ่งสงบ แต่เป็นการตื่นที่สงบ
ดังนั้น ผมอยากให้คนที่ปรารถนา ให้ความทุกข์ดับ ความทุกข์น้อยลง การฝึกภาวนาเจริญสติ 14 จังหวะของหลวงพ่อเทียน เหมาะกับคนยุคนี้อย่างที่สุด แม้จะเป็นวิธีการประดิษฐ์ แต่ถ้ามองอีกมุมหนึ่ง ก็คล้ายการเดินจงกรม ซึ่งเราอาศัยมือเคลื่อนไหวแทนขา และในชีวิตจริงของเราแต่ละวันใช้มือเคลื่อนไหวมาก เมื่อเราฝึกจนเคยชิน เมื่อเราอยู่ในชีวิตประจำวันแล้วการเคลื่อนไหวนั้น จะกลายเป็นการปฏิบัติธรรมตลอดเวลา แล้วจิตเราก็สงบแบบตื่นรู้อยู่กับปัจจุบัน และ เมื่อมีอะไรมากระทบอารมณ์ก็จะรับรู้ แบบมีสติ แล้วปล่อยวางได้เองโดยอัตโนมัติอย่างแท้จริง
คนยุคนี้ วันๆ พันกว่าเรื่อง ในสมอง ดังนั้นวิธีเหมาะที่สุดครับ