ขอกล่าวถึงนักการเมืองอีสานอีกท่านหนึ่ง ซึ่งเป็นบุคคลสำคัญที่มิอาจจะละเว้นไม่พูดถึงไม่ได้ เพราะบุคคลผู้นี้เป็นคนอีสานที่มีคุณูปการต่อประเทศชาติ อันควรแก่การเคารพอย่างยิ่ง เป็นนักการเมืองแบบอย่างที่คนอีสานควรยึดถือเป็นต้นแบบที่ดี ท่านผู้นี้คือ นายเตียง ศิริขันธ์ เป็นอดีต ส.ส.สกลนคร รวม 5 ครั้ง โดยเป็น ส.ส.ครั้งแรกเมื่ออายุ 28 ปี เป็นรัฐมนตรีถึง 3 สมัย เขาเรียนจบชั้นมัธยมจากโรงเรียนอุดรพิทยานุกูล เรียนต่อในโรงเรียนฝึกหัดครูวัดบวรนิเวศ และได้ประกาศนียบัตรประโยคครูมัธยม จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เคยรับราชการเป็นผู้ช่วยครูใหญ่ ที่โรงเรียนเก่าของตนที่อุดรธานี
บทบาททางการเมืองของ นายเตียง กล่าวได้ว่า เป็นเรื่องสำคัญที่สะท้อนภาพประวัติศาสตร์ทางการเมืองท้องถิ่น ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ของผู้มีจิตใจรักชาติ ซื่อสัตย์สุจริต และเป็นผู้รับใช้ประชาชนอย่างแท้จริง
นายเตียง เป็นหนึ่งในกลุ่มผู้นำทางการเมืองอีสานร่วมกับ นายทองอินทร์ ภูริพัฒน์ นายจำลอง ดาวเรือง และ นายถวิล อุดล พวกเขาเป็นนักการเมืองระดับชาติที่มีบทบาทโดดเด่น จนได้รับสมญาว่า "ดาวสภา" และถือกันว่าในกลุ่ม ส.ส.อีสาน เตียงเป็นประหนึ่งเลขาธิการ เป็นมันสมองของกลุ่มที่ร่วมกันขับเคลื่อนงานการเมืองอย่างทรงพลัง
นายเตียง ถือว่าเป็นวีรบุรุษนักประชาธิปไตยในฐานะ "ขุนพลอีสานแห่งเทือกเขาภูพาน" เขาทำหน้าที่เป็นหัวหน้าใหญ่ของขบวนการเสรีไทย ที่มีรหัสชื่อลับว่า "พลูโต" ทำหน้าที่ก่อสร้างสนามบินเพื่อรับเครื่องบินและอาวุธจากฝ่ายสัมพันธมิตร เตียงยังรู้จักกับ จิม ทอมป์สัน สายลับอเมริกาเป็นอย่างดี และเตียงยังมีบทบาทเป็นผู้นำของภูมิภาคอุษาคเนย์ ด้วยการตั้งและเป็นประธาน Southeast Asian League หรือ สันนิบาตเอเชียอาคเนย์ (เอเชียตะวันออกเฉียงใต้) เมื่อสิงหาคม 2490
ในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 ขณะที่ญี่ปุ่นได้ยกกองทัพบุกเข้าประเทศไทย ทำให้บุคคลสำคัญทางการเมือง การปกครอง ข้าราชการของไทยไม่เห็นด้วยกับการประกาศสงครามของจอมพล ป. พิบูลสงคราม
นายกรัฐมนตรี โดยมี นายปรีดี พนมยงค์ เป็นผู้นำในการรวบรวมคนไทยผู้รักชาติ ก่อตั้งเป็นขบวนการเสรีไทย เพื่อต่อต้านการรุกรานของญี่ปุ่น เตียงก็ได้ร่วมกับเพื่อนสนิทและลูกศิษย์ที่สกลนคร จัดตั้งเสรีไทย (เสรีไทยภูพาน) โดยมีกองกำลังมากมายและแข็งแกร่งที่สุดในภาคอีสาน เตียงได้จัดตั้งค่ายลับที่ใหญ่ที่สุดเป็นกองบัญชาการใหญ่ นอกจากนี้ยังมีหน่วยย่อยอีกหลายหน่วยได้กระจายหน่วยไปตามพื้นที่ต่างๆ ของจังหวัดสกลนคร ส่วนอาวุธที่ใช้ฝึกนั้น เป็นอาวุธยุทโธปกรณ์ ที่ส่งมาจากสหรัฐและอังกฤษ
เมื่อญี่ปุ่นได้ประกาศยอมแพ้สงครามต่อฝ่ายพันธมิตร บทบาททางการเมืองของนายเตียงในฐานะผู้นำขบวนการเสรีไทย ได้ช่วยให้ไทยรอดพ้นจากการเป็นผู้แพ้ในสงครามโลกครั้งที่ 2 และรอดพ้นจากการถูกยึดครองโดยกองทัพประเทศสัมพันธมิตร ทำให้ประเทศชาติได้กลับคืนสู่สภาพปกติ ดำรงไว้ซึ่งเอกราชและอธิปไตย ส่งผลให้ชื่อเสียงและเกียรติภูมิของเตียงได้รับการยอมรับในฐานะผู้มีบทบาทกล้าหาญและเสียสละเพื่อประเทศชาติ
นอกจากนั้น เตียง ยังมีบทบาทร่วมกับขบวนการกู้ชาติในอินโดจีน บทบาทสำคัญดังกล่าว ทำให้ชาวอีสานส่วนใหญ่ต่างมีความภาคภูมิใจและสำนึกร่วมกัน ด้วยเตียงมีผลงานที่ดีเด่นทั้งในสภาฯ และนอกสภา ในพื้นที่จังหวัดสกลนคร เขามีความใก้ลชิดกับชาวบ้าน จนได้เข้าไปนั่งในหัวใจของชาวสกลนคร อย่างแท้จริง
ปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้เตียงเคลื่อนไหวทางการเมือง เนื่องจากเห็นว่า ภาคอีสาน ซึ่งเผชิญกับปัญหาการด้อยพัฒนา ได้รับการดูถูกดูแคลนทางวัฒนธรรม และข้อจำกัดของตัวระบบราชการที่ขึ้นอยู่กับส่วนกลางเป็นหลัก เตียงจึงเกิดแนวคิดที่มุ่งหวังอยากให้ประเทศเจริญก้าวหน้า โดยทัดเทียมเป็นที่ยอมรับในสังคมการเมืองระหว่างประเทศ
แนวคิดทางการเมืองของเตียง คือ แนวคิดท้องถิ่นนิยม เป็นแนวคิดที่มุ่งพัฒนาไปสู่ท้องถิ่นของตน โดยเฉพาะจังหวัดสกลนครและภาคอีสาน ด้วยอุดมการณ์ว่า "เราจะร่วมกันทำงานให้แก่ประเทศชาติและมาตุภูมิด้วยความเสียสละ เพื่อประโยชน์ของชาติของท้องถิ่นยิ่งกว่าชีวิตของตน"
นอกจากเตียงจะเป็นผู้รักประชาชน รักท้องถิ่น มีแนวคิดท้องถิ่นนิยมดังกล่าว แต่เตียงก็มิได้เป็นผู้แนวคิดท้องถิ่นนิยมแบบคับแคบแต่อย่างใด เขายังเป็นผู้มีแนวคิดทางการเมืองแบบสังคมนิยม ที่เน้นให้ราษฎรทุกคนมีสิทธิ เสรีภาพอย่างเท่าเทียมกัน ดังที่เขาเคยเขียนก่อนเข้าสู่การเมืองว่า "ข้าพเจ้าเป็นคนไทย ข้าพเจ้าเป็นไทแก่ตนเอง ข้าพเจ้าเป็นราษฎรไทย ราษฎรสยาม ทั้งข้าพเจ้าต้องการให้ทุกๆ คนบนพื้นดินอันเป็นสยามประเทศนี้ เป็นราษฎรเสมอหน้ากันหมด ปราศจากความเหลื่อมล้ำต่ำสูง ความเป็นราษฎร จึงเป็นอุดมคติที่ข้าพเจ้าบูชาอีกอันหนึ่ง"
บทบาทของเตียงในสภา มีมากมายในการพยายามให้รัฐบาลมุ่งพัฒนาพื้นที่ภาคอีสาน ทั้งทางเศรษฐกิจ การศึกษา สาธารณสุข และการคมนาคม ถือว่าเตียงเป็นตัวแทนของคนรุ่นใหม่ของภาคอีสานที่สำนึกในความเป็นไทย จึงเป็นบทบาทที่มีส่วนผลักดันให้เข้าถึงความจริงที่ว่า ราษฎรอีสาน หรือ ชนบทส่วนใหญ่ยังไม่ได้รับการศึกษา ไม่ได้รับการบำรุงจากรัฐบาลอย่างเพียงพอ จนในที่สุดสภาพความเป็นอยู่ของประชาชนอีสานจังหวัดต่างๆ เริ่มดีขึ้นจากแนวคิดและการต่อสู้ของนักการเมืองท่านนี้
สรุปได้ว่า นายเตียง ศิริขันธ์ มีแนวคิดทางการเมืองแบบลักษณะท้องถิ่นนิยม สังคมนิยม เสรีนิยม และพัฒนาไปสู่ลักษณะชาตินิยมที่มีจุดมุ่งหมายต้องการสร้างสรรค์ความเจริญให้แก่ท้องถิ่นและความก้วหน้าของประเทศชาติด้วยความเสียสละ โดยไม่คำนึงถึงความยากลำบากด้วยความเป็นผู้มีจิตใจกล้าหาญ เด็ดเดี่ยวอดทนเป็นที่สุด และถือว่าการแก้ไขความทุกข์ยากของราษฎร เป็นหน้าที่สูงสุดของชีวิตการเป็นนักการเมือง จนเป็นที่ยอมรับของชาวสกลนครและชาวอีสาน
เตียง ศิริขันธ์ ทำหน้าที่ ส.ส.ได้อย่างดียิ่ง เมื่อเป็นฝ่ายค้าน ก็พยายามเรียกร้องให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาต่างๆอย่างจริงจัง จึงทำให้ได้รับความนิยมจากประชาชนอย่างกว้างขวางในเขตท้องถิ่น โดยเตียงได้ร่วมทำงานอย่างใกล้ชิดกับแกนนำอีสาน โดยมี ทองอินทร์ จำลอง และ ถวิล เป็นสหายร่วมอุดมการณ์ จนถูกขนานนามว่า"สี่เสืออีสาน" เป็นทีมเวิร์คที่เข้มแข็งในสภาผู้แทนราษฎร
ในที่สุดบทบาททางการเมืองของเตียง ก็ต้องสิ้นสุดลงในสมัยรัฐบาลของ จอมพล ป. พิบูลสงคราม เมื่อเพื่อน ส.ส.อีสานถูกวิสามัญฆาตกรรมทางการเมืองอย่างโหดร้ายป่าเถื่อนด้วยการยิงทิ้ง ที่ทุ่งบางเขน กรุงเทพฯ เตียงได้หลุดรอดชีวิตไปได้ แต่ภายหลังวิกฤตการณ์ทางการเมือง เกิดรัฐประหาร 2490 และกบฏวังหลัง 2492 นั้น แม้เตียงจะมีชีวิตรอดอยู่ได้และได้รับเลือกตั้งเป็น ส.ส.ต่อมาอีกในปี 2492 และ 2495 แต่บทบาททางการเมืองของเขาก็ลดลง และได้หายตัวไปอย่างลึกลับ โดยมาปรากฏภายหลังว่า ถูกรัฐตำรวจ ภายใต้การนำของอธิบดีตำรวจ เผ่า ศรียานนท์ ส่งอัศวิน และพรรคพวกเขา รัดคอตายและนำไปย่างศพ ฝังทิ้งที่ป่าจังหวัดกาญจนบุรีเมื่อเดือนธันวาคม 2495 ขณะมีอายุเพียง 43 ปี พร้อมกับอดีตเสรีไทยอย่างนายชาญ และ เล็ก บุนนาค
นักการเมืองอีสาน ที่เป็นทั้งนักการเมืองและนักต่อสู้ ที่มีความรู้ความสามารถ มีความกล้าหาญ ซื่อสัตย์สุจริต กล้าต่อสู้ เพื่อประเทศชาติและประชาชน โดยมิได้คำนึงถึงชีวิตของตนเองนั้น ถือเป็นแบบอย่างอันยิ่งใหญ่ของนักการเมืองอีสาน และนักการเมืองไทย ที่สมควรได้รับการยกย่อง ได้รับเกียรติและความเคารพนับถือจากประชาชน
การจากไปของ นายเตียง ศิริขันธ์ ถือเป็นการจากไปของวีรบุรุษนักประชาธิปไตย สมควรอย่างยิ่ง ที่ทุกคนโดยเฉพาะชาวอีสานทุกคน จะต้องตระหนัก และรำลึกถึงคุณูปการอันใหญ่หลวงของท่านผู้นี้ ที่มีต่อพี่น้องชาวสกลนครและต่อประเทศชาติอย่าง ขุนพลภูพาน โดยแท้จริง