คณะรัฐมนตรี(ครม.) วันที่ 24 ธ.ค. 67 มีมติอนุมัติหลักการ "ร่างพระราชกฤษฎีกาเพื่อขยายระยะเวลามาตรการภาษีสนับสนุนการพัฒนาการแพทย์และสาธารณสุข" ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยขยายเวลาออกไปอีก 3 ปี ตั้งแต่ 1 มกราคม 2568 ถึง 31 ธันวาคม 2570
สาระสำคัญของมาตรการ
การให้บุคคลธรรมดาและนิติบุคคลสามารถหักลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่าจากการบริจาคให้แก่องค์กรและมูลนิธิที่กำหนด รวม 27 แห่ง ประกอบด้วยองค์กรเดิม 16 แห่ง และเพิ่มเติมอีก 11 แห่ง โดยต้องบริจาคผ่านระบบ e-Donation ของกรมสรรพากร
องค์การและมูลนิธิตามมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการพัฒนาการแพทย์และการสาธารณสุข
รวมทั้งหมด 27 แห่งประกอบด้วย(จัดเรียงตามลำดับอักษร)
- มูลนิธิกาญจนบารมี
- มูลนิธิคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์
- มูลนิธิจุฬาภรณ์
- มูลนิธิชัยพัฒนา
- มูลนิธิรามาธิบดี ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
- มูลนิธิศรีสวางควัฒน ในพระอุปถัมภ์สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี
- มูลนิธิสถาบันมะเร็งแห่งชาติ
- มูลนิธิสถาบันสิรินธรเพื่อการฟื้นฟูสมรรถภาพทางการแพทย์แห่งชาติ
- มูลนิธิสนับสนุนสถาบันประสาทวิทยา
- มูลนิธิสมเด็จพระปิ่นเกล้า
- มูลนิธิเทคโนโลยีสารสนเทศตามพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
- มูลนิธิโรคมะเร็ง โรงพยาบาลศิริราช
- มูลนิธิโรงพยาบาลตำรวจ ในพระบรมราชินูปถัมภ์
- มูลนิธิโรงพยาบาลพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหาร ในพระสังฆราชูปถัมภ์
- มูลนิธิโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
- มูลนิธิโรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช
- มูลนิธิโรงพยาบาลราชวิถี
- มูลนิธิโรงพยาบาลสงขลานครินทร์
- มูลนิธิโรงพยาบาลสงฆ์
- มูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ กองทัพเรือ ในพระบรมราชินูปถัมภ์
- มูลนิธิโรงพยาบาลสวนดอก คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
- มูลนิธิโรงพยาบาลหาดใหญ่
- มูลนิธิโรงพยาบาลเด็ก
- มูลนิธิโรงพยาบาลเลิดสิน ในพระอุปถัมภ์สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์
- มูลนิธิโรงพยาบาลเวชศาสตร์เขตร้อน ในพระอุปถัมภ์สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์
- ศิริราชมูลนิธิ
- สภากาชาดไทย
นอกจากนี้ ยังยกเว้นภาษีเงินได้ ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์ สำหรับการโอนทรัพย์สิน การขายสินค้า หรือการทำตราสารเพื่อการบริจาคให้แก่หน่วยงานดังกล่าว เช่น การบริจาคที่ดิน รถยนต์ และทองคำ เป็นต้น
กระทรวงการคลังคาดว่าจะมีผู้ใช้สิทธิประมาณปีละ 1 ล้านราย ทำให้รัฐสูญเสียรายได้ภาษีประมาณปีละ 900 ล้านบาท รวม 3 ปี ประมาณ 2,700 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม
มาตรการนี้จะช่วยให้ประชาชนโดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อยเข้าถึงบริการทางการแพทย์และสาธารณสุขที่มีคุณภาพได้ทั่วถึงมากขึ้น รวมทั้งส่งเสริมการพัฒนางานวิจัย เทคโนโลยี และนวัตกรรมทางการแพทย์ของประเทศ