ด่วน ครม.เคาะลด-ยกเว้นเก็บภาษีนำเข้า “คาร์ซีท” เด็ก ถึงสิ้นปี 2566

28 มิ.ย. 2565 | 07:28 น.
อัปเดตล่าสุด :28 มิ.ย. 2565 | 16:00 น.

ครม.เคาะลด-ยกเว้นเก็บภาษีนำเข้า ที่นั่งนิรภัยสำหรับเด็ก “คาร์ซีท” (Car seat) เฉพาะที่นั่งนิรภัยสำหรับเด็ก โดยออกเป็นร่างประกาศกระทรวงการคลัง ผลผลหลังประกาศลงราชกิจจานุเบกษา ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2566

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบการยกเว้นภาษีนำเข้าสำหรับที่นั่งนิรภัยสำหรับเด็ก “คาร์ซีท” (Car seat) เฉพาะที่นั่งนิรภัยสำหรับเด็ก โดยออกเป็นร่างประกาศกระทรวงการคลัง จะมีผลหลังจากวันที่ร่างประกาศฉบับนี้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2566 

 

ทั้งนี้กระทรวงการคลังได้รายงานประมาณการการสูญเสียรายได้ และประโยชน์ที่จะได้รับจากการลดอัตราอากรและยกเว้นอากรศุลกากรสำหรับสินค้า ที่นั่งนิรภัยสำหรับเด็ก (Car seat) เฉพาะที่นั่งนิรภัยสำหรับเด็ก โดยประมาณการจากมูลค่า อากรขาเข้าที่จัดเก็บตั้งแต่ปี 2562 -2565 คาดว่าจะมีการสูญเสียรายได้เฉลี่ยประมาณ 555,000 บาทต่อปี 

อย่างไรก็ตามการสูญเสียรายได้ อาจจะเพิ่มสูงขึ้นตามปริมาณความต้องการ ภายในประเทศ แต่จะเป็นการช่วยบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายและสนับสนุนด้านความปลอดภัยในชีวิต และร่างกายของประชาชน ส่งเสริมให้เกิดการใช้ที่นั่งนิรภัยสำหรับเด็ก และการปฏิบัติตามกฎหมาย

 

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงรายละเอียด ว่า สาระสำคัญ ร่างประกาศกระทรวงการคลัง กำหนดยกเว้นอากร สำหรับที่นั่งนิรภัยสำหรับเด็ก (Car seat) เฉพาะที่นั่งนิรภัยสำหรับเด็กนำเข้ามาโดยให้ยกเว้นอากรถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2566 โดยให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป และตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2567 เป็นต้นไป จึงให้จัดเก็บอัตราอากร 20% ตามเดิม 

 

ทั้งนี้ เพื่อช่วยบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายของประชาชน สนับสนุนด้านความปลอดภัยในชีวิตและร่างกายของประชาชน ส่งเสริมให้เกิดการใช้ที่นั่งนิรภัยสำหรับเด็กและเป็นการปฏิบัติตามกฎหมายพระราชบัญญัติจราจรทางบกฉบับที่ 13 ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 4 กันยายน 65

สำหรับปัจจุบันตลาดที่นั่งนิรภัยสำหรับเด็กส่วนใหญ่ เป็นการนำเข้าจากต่างประเทศ และยังมีผู้ประกอบการไทยที่ผลิตที่นั่งนิรภัยสำหรับเด็กจำนวนน้อย เนื่องจากปริมาณความต้องการใช้ที่นั่งนิรภัยสำหรับเด็กในประเทศที่ผ่านมามีจำนวนไม่มากพอ ที่จะทำให้ผู้ประกอบการมีการลงทุน 

 

อย่างไรก็ตาม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เห็นว่า การลดอัตราอากรขาเข้าสำหรับที่นั่งนิรภัยสำหรับเด็กเป็นระยะเวลา 1 ปี เพื่อสนับสนุนการลดราคาให้กับผู้บริโภค ประกอบกับการบังคับใช้พระราชบัญญัติจราจรทางบก ฉบับที่ 13 พ.ศ. 2565 คาดการณ์ว่าจะมีปริมาณความต้องการใช้ในประเทศสูงขึ้น จะทำให้ผู้ประกอบการไทยมีศักยภาพในการผลิตที่นั่งนิรภัยสำหรับเด็ก อาจสนใจที่จะลงทุนผลิตที่นั่งนิรภัยสำหรับเด็กในประเทศเพิ่มมากขึ้น