“ไทยยูเนี่ยน”ส่งน้องใหม่ “คิวเฟรช” ตีตลาดซีฟู้ดไทย          

07 เม.ย. 2560 | 08:10 น.
อัปเดตล่าสุด :07 เม.ย. 2560 | 15:10 น.
ไทยยูเนี่ยน เปิดตัวแบรนด์อาหารทะเลใหม่ “คิวเฟรช”  ชูขายผ่านร้านออนไลน์ พร้อมเดลิเวอรี่ภายใน 24 ชั่วโมง หวังเจาะตลาด B2C และ B2B มั่นใจปีแรกโกยยอดขาย 300 ล้านบาท ก่อนเพิ่มเป็น 1,000 ล้านบาทใน 5 ปี

นายฤทธิรงค์ บุญมีโชติ ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มธุรกิจอาหารแช่แข็งและธุรกิจที่เกี่ยวข้อง บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า  เพื่อรองรับการเติบโตของช้อปปิ้งออนไลน์ และไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคยุคใหม่ที่ใส่ใจสุขภาพ ล่าสุดบริษัทเปิดตัวแบรนด์อาหารทะเลแบรนด์แรกของไทยยูเนี่ยน “คิวเฟรช”  (Qfresh) และร้านออนไลน์ คิวเฟรชช็อป (www.qfreshshop.com)  เหมาะสำหรับกลุ่มเป้าหมายทั้ง B2C และ B2B  ได้แก่กลุ่มผู้บริโภค (Home Cook) ซึ่งมีอาหารทะเลทั้งวัตถุดิบพร้อมการตัดแต่ง  สินค้าพร้อมปรุงและพร้อมทาน  และกลุ่มผู้ประกอบการ ร้านอาหาร (Food Service) ที่ต้องการวัตถุดิบอาหารทะเลคุณภาพ เพื่อนำไปปรุงเป็นเมนูอาหาร ดังนั้นสินค้าที่วางจำหน่ายจะมีแพ็คขนาดใหญ่ และร้านค้าสามารถสั่งซื้อผ่านทางออนไลน์ได้ 24 ชม. ผ่านทีมงาน Qfresh call center ซึ่งพร้อมให้บริการรับออเดอร์ทุกวัน

QFRESH1

โดยคิวเฟรช เริ่มให้บริการจัดส่งผู้บริโภค ร้านค้าปลีก ในเขตกรุงเทพและปริมณฑลตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา และเริ่มจำหน่ายผ่านซูเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำกว่า 100 แห่ง อาทิ  ท็อปส์ , เดอะมอลล์  ฯลฯ ตั้งแต่เมษายนเป็นต้นไป  โดยมีแผนจะเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายทั้งร้านค้า ซูเปอร์มาร์เก็ต และไฮเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำให้ครอบคลุมทั่วประเทศภายใน 2 ปีนี้

“การจำหน่ายคิวเฟรช ออนไลน์ในรูปแบบธุรกิจอีคอมเมิร์ช  ผ่านเว็บไซต์ www.qfreshshop.com ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาพบว่าได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี โดยสินค้าที่จำหน่ายมีทั้งอาหารทะเล อาหารพร้อมทาน อาหารพร้อมปรุงและติ่มซำในรูปแบบแช่แข็ง โดยสินค้าที่ได้รับความนิยม ได้แก่ ปลาแซลมอน กุ้งขาวเป็นต้มสุก เนื้อปลากะพง เนื้อปลาอินทรีย์  เนื้อปลาเก๋า กรรเชียงปู และเนื้อปูบรรจุในรูปแบบถ้วยพลาสติกใส เป็นต้น”

ทั้งนี้ลูกค้าที่สั่งซื้อผ่านทางออนไลน์สามารถชำระเงินได้ทั้งรูปแบบเงินสด (COD) และระบบรูดบัตรชำระ (mPOS) ด้วยบัตรเดบิตหรือบัตรเครดิต โดยมีค่าจัดส่ง 100 บาท (เฉพาะกรุงเทพและปริมณฑล) โดยบริษัทตั้งเป้าหมายที่จะมียอดขายในปีแรกราว 300 ล้านบาท และเพิ่มขึ้นเป็น 1,000 ล้านบาท ภายใน 5 ปี หรือมีการเติบโตไม่ต่ำกว่า 20% ต่อปี