กฟน. จัดพิธีลงนามสัญญาก่อสร้างโครงการ "สายไฟฟ้าใต้ดิน พระราม 3"
วันที่ 19 พ.ค. 60 -- นายชัยยงค์ พัวพงศกร ผู้ว่าการการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) ในฐานะผู้แทนหน่วยงาน ได้ร่วมพิธีลงนามสัญญาโครงการเปล่ียนระบบสายไฟฟ้าอากาศเป็น “สายไฟฟ้าใต้ดิน โครงการพระราม 3” ร่วมกับกิจการค้าร่วม บริษัท ซิโนไฮโดร คอร์ปอเรชัน จำกัด และบริษัท เทด้า จำกัด ณ อาคารสำนักงานใหญ่เพลินจิต การไฟฟ้านครหลวง
ผู้ว่าการการไฟฟ้านครหลวง กล่าวว่า กฟน. ในฐานะองค์กรชั้นนำด้านธุรกิจพลังงานไฟฟ้าในระดับสากล ได้ดำเนินการโครงการเปลี่ยนระบบสายไฟฟ้าอากาศเป็นสายไฟฟ้าใต้ดินอย่างต่อเนื่อง เพื่อพัฒนาระบบไฟฟ้าให้มีความมั่นคง และช่วยปรับทัศนียภาพของกรุงเทพมหานครให้สวยงาม มีความปลอดภัยและพร้อมสู่การเป็นมหานครแห่งอาเซียน ซึ่งการร่วมลงนามในครั้งนี้นับเป็นการแสดงเจตจำนงระหว่าง กฟน. และบริษัทผู้รับจ้างในการดำเนินการก่อสร้างงานด้านโยธา จัดหาพร้อมติดตั้งอุปกรณ์ไฟฟ้าและสายไฟฟ้าใต้ดิน โครงการพระราม 3 ระยะที่ 1 ช่วงสะพานพระราม 9 ถึงบริเวณเลียบทางพิเศษเฉลิมมหานคร โดยมีมูลค่าโครงการทั้งสิ้น 1,520 ล้านบาท
และภายหลังจากการดำเนินโครงการฯ ครั้งนี้ กฟน. ยังมีแผนดำเนินการโครงการพระราม 3 ระยะที่ 2 คือ การก่อสร้างส่วนต่อขยายจากช่วงสะพานพระราม 9 ถึงบริเวณสะพานกรุงเทพฯ ซึ่งทั้งหมดถือเป็นส่วนหนึ่งของโครงการที่ ครม. มีมติเห็นชอบเมื่อวันที่ 31 ม.ค. 2560 อนุมัติวงเงินลงทุนเพิ่ม 3 โครงการ ได้แก่ 1.โครงการปทุมวัน จิตรลดา พญาไท (เพิ่มเติม) 2.โครงการนนทรี และ 3.โครงการพระราม 3 เนื่องจากเป็นพื้นที่ ที่มีแนวโน้มความต้องการใช้ไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว
ทั้งนี้ ที่ผ่านมา กฟน. ได้ดำเนินการเปลี่ยนระบบสายไฟฟ้าอากาศเป็น “สายไฟฟ้าใต้ดิน” เสร็จสิ้นแล้วทั้งหมด จำนวน 7 โครงการ ได้แก่ โครงการสีลม, โครงการปทุมวัน, โครงการปทุมวัน จิตรลดา และพญาไท (เพิ่มเติม) ใน ถ.ราชวิถี รวมระยะทาง 41.9 กิโลเมตร
ส่วนโครงการที่อยู่ระหว่างการดำเนินการ ได้แก่ โครงการปทุมวัน จิตรลดา และพญาไท (เพิ่มเติม) ใน ถ.ศรีอยุธยา, ถ.โยธี, ถ.เพชรบุรี, ถ.ราชปรารภ และ ถ.พระรามที่ 1, โครงการนนทรี, โครงการพระราม 3, โครงการรัชดาภิเษก-พระราม 9 และโครงการรัชดาภิเษก-อโศก รวมระยะทาง 45.4 กิโลเมตร และโครงการมหานคร-แห่งอาเซียน เป็นระยะทาง 127.3 กิโลเมตร รวมเป็นระยะทางทั้งสิ้น 214.6 กิโลเมตร
ซึ่ง กฟน. จะบูรณาการแผนงานร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อลดปัญหาที่ประชาชนจะได้รับ เช่น การปรับแผนการดำเนินโครงการในพื้นที่ที่ทับซ้อนกับการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.), กรุงเทพมหานคร (กทม.), การประปานครหลวง (กปน.), บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) (TOT) และบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (CAT) เพื่อให้แผนดำเนินการมีความสอดคล้อง และลดปัญหาที่ประชาชนจะได้รับอันเนื่องจากการก่อสร้าง ตลอดจนการประสานงานกับคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ในการติดตามแผนงานนำสายสื่อสารของผู้ประกอบการทั้งหมดลงดินได้หมดอย่างใกล้ชิด
นอกจากนี้ กฟน. ได้มีการวางแผนการบริหารจัดการจราจรร่วมกับหน่วยงานที่เป็นเจ้าของพื้นที่ เช่น กรุงเทพมหานคร, นนทบุรี, สมุทรปราการ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เพื่อบริหารจัดการการปิดพื้นที่ เพื่อเร่งรัดการทำงานให้เสร็จโดยเร็ว ทั้งนี้ เพื่อจะได้บริหารจัดการการจราจรให้สอดคล้องและส่งผลกระทบต่อประชาชนให้น้อยที่สุด
ซึ่ง กฟน. ได้มีการจัดทำแผนงานประชาสัมพันธ์ เพื่อให้ประชาชนรับทราบความคืบหน้าของการดำเนินโครงการตลอดระยะเวลาดำเนินการ โดยจะมีการลงพื้นที่เพื่อให้ข้อมูลของแผนงานกับประชาชนในพื้นที่ที่จะดำเนินการก่อสร้างหรือใกล้เคียง ให้ได้รับทราบก่อนดำเนินการก่อสร้าง โดยหากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์บริการข้อมูลผู้ใช้ไฟฟ้าการไฟฟ้านครหลวง MEA Call Center โทร 1130 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง