เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ฯ ปรับองค์กรมุ่งขยายธุรกิจพลังงาน ยานยนต์ไฟฟ้า ออโตเมชั่น พร้อมเปิดตัว 3 ผลิตภัณฑ์ เพื่อรองรับไทยแลนด์ 4.0 คาดเป้ายอดขายปี 2017 รวม 5 หมื่นล้านบาท
นายเซีย เชน เยน (Hsieh Shen–yen) ประธานบริหาร บริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทก้าวสู่ปีที่ 27 ของการดำเนินงานธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์ พลังงานและไอซีที ปัจจุบันมีศูนย์วิจัยและพัฒนาใน 10 ประเทศ โรงงานผลิตใน 4 ประเทศ และสำนักงานขายใน 19 ประเทศ ผลการดำเนินงานปี 2016 ที่ผ่านมาเดลต้าฯ ประสบความสำเร็จเป็นที่ยอมรับในตลาดโลก โดยมียอดขาย 46,887 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 5,516 ล้านบาท ส่วนใน มียอดขายในไตรมาสที่ 1 ปี 2560 จำนวน 12,127 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.3 จากยอดขายในไตรมาสเดียวกันของปีก่อน โดยยอดขายเพิ่มขึ้นในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ โดยเฉพาะยอดขายที่เพิ่มขึ้นของกลุ่มผลิตภัณฑ์เพาเวอร์ซิสเต็มส์ที่ใช้ในระบบโทรคมนาคม (Telecom power)
ในห้วงระยะเวลา 26 ปีที่ผ่านมา เดลต้าฯ ได้ผ่านการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ (Evolution) 3 ครั้ง ครั้งแรกคือปี 1993 พัฒนาจากธุรกิจจอดิสเพลย์มาสู่ผลิตภัณฑ์พาวเวอร์ซัพพลาย, ครั้งที่ 2 ในปี 2000 พัฒนาสู่ธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์และในปี 2017 นับเป็นอีกปีสำคัญแห่งการเปลี่ยนผ่านครั้งที่ 3 โดยเดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) พัฒนาปรับองค์กรจากเดิมมาเป็น 3 กลุ่มผลิตภัณฑ์ คือ เพาเวอร์อิเล็กทรอนิกส์, ออโตเมชั่น และอินฟราสตรัคเจอร์ นอกจากนี้ยังมีกลุ่ม Solution ซึ่งประกอบด้วย Industrial Automation, Building Automation, Datacenter, Telecom Energy, Renewable Energy; and Display and Monitoring.เพื่อรุกขยายธุรกิจสู่พลังงาน ยานยนต์ไฟฟ้า ระบบออโตเมชั่น/หุ่นยนต์ และดาต้าเซ็นเตอร์โซลูชั่น รองรับการก้าวเป็นฮับยานยนต์ไฟฟ้าและเป้าหมายไทยแลนด์ 4.0
ด้านแผนงานอนาคตและการลงทุน เดลต้าฯ พัฒนาตลาดและสายการผลิตซึ่งใช้ระบบอัตโนมัติ ตลาดเป้าหมาย นอกจากยุโรปและสหรัฐแล้วยังมุ่งเน้นอาเซียนและอินเดีย ตลาดอินเดียมีขนาดใหญ่และมีการเติบโตที่สูงและมีความต้องการอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์จำนวนมาก รวมทั้งมีการพัฒนาพลังงานทดแทน และระบบออโตเมชั่นในภาคอุตสาหกรรม และอินเดียมีนโยบายจะเปลี่ยนเป็นยานยนต์ไฟฟ้าภายในปี 2030 เดลต้าฯ ได้เตรียมลงทุนสร้างอาคารแห่งใหม่เพื่อเป็นศูนย์วิจัยและพัฒนานวัตกรรมที่เมืองบังกาลอร์ ประเทศอินเดีย พื้นที่ 13 ไร่ และโรงงานพี้นที่ 316 ไร่ ที่รัฐ Tamil Nadu ในปีนี้คาดว่าจะลงทุนในอินเดียเพิ่ม 30 - 50 ล้านเหรียญสหรัฐ และตั้งเป้าหมายว่าจะมีรายได้จากอินเดียในปี 2018 - 2019 ประมาณ 20% ของยอดขายทั้งหมด โรงงานในอินเดียจะแล้วเสร็จใน 1 ปีข้างหน้า นอกจากนี้เดลต้าฯ กำลังอยู่ในระหว่างการเจรจาขยายฐานการผลิตแห่งใหม่ในประเทศสโลวาเกีย เพื่อรองรับตลาดยุโรป
ในด้านวิจัยและพัฒนา บริษัทตั้งงบไว้ที่ประมาณ 4 - 5% ของยอดขาย เนื่องจากเดลต้าฯ มุ่งมั่นดำเนินธุรกิจที่ยั่งยืนและคิดค้นวิจัยพัฒนาและผลิตสินค้าใหม่ตลอดเวลา เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและเศรษฐกิจ ความต้องการที่เปลี่ยนไปของตลาดผู้บริโภคและธุรกิจอุตสาหกรรม โดยจะมุ่งวิจัยพัฒนาชิ้นส่วนยานยนต์ไฟฟ้า ระบบคลาวด์อินดัสเทรียลออโตเมชั่น และหุ่นยนต์ IoT พลังงานทางเลือก ระบบศูนย์ดาต้าเซ็นเตอร์
นายเค เค ชอง (K.K.Chong) หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์การตลาด กล่าวว่า แผนการตลาดในปี 2017 เดลต้าฯ เห็นว่าตลาดมีแนวโน้มเติบโตและได้เพิ่มงบประมาณการตลาดเป็น 3 เท่า เนื่องจากประเทศไทยซึ่งเป็นศูนย์กลางของภูมิภาคอาเซียนและอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านสู่เทคโนโลยีใหม่ๆ เช่นเดียวกับนานาประเทศซึ่งกำลังปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 ก้าวเข้าสู่ Industry 4.0 รวมทั้งเป้าหมายพัฒนาประเทศด้วยนวัตกรรมและองค์ความรู้ไปสู่ Thailand 4.0 ในอีก 20 ปีข้างหน้า ทั้งนี้เดลต้าฯ มีการศึกษาวิเคราะห์ตลาดและวิจัยพัฒนาผลิตภัณฑ์ นวัตกรรมใหม่อย่างต่อเนื่อง จากศูนย์ R&D ในไทยและนานาประเทศ ซึ่งจะประสานกับเครือข่ายสำนักงานขายในนานาประเทศเพื่อจะก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง ในด้านแผนการตลาดและการส่งเสริมการขาย มุ่งเน้นการสื่อสารประชาสัมพันธ์เพื่อเสริมสร้างแบรนด์และคุณค่าของแบรนด์ DELTA จัดแสดงผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมในงานแสดงสินค้า นิทรรศการ งานประชุมระดับประเทศและนานาชาติ, จัดสัมมนาด้านเทคโนโลยีออโตเมชั่น พลังงานและไอซีที, ความร่วมมือกับภาครัฐและภาคเอกชนในการส่งเสริมความรู้ทางเทคโนโลยีและนวัตกรรม การผลิตวัสดุส่งเสริมการขาย และสื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์ การสนับสนุนงานวิจัยกับภาครัฐและเอกชน การเปิดศูนย์การเรียนรู้เทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้าและสถานีอัดประจุไฟฟ้า ณ สถาบันยานยนต์ ในวันที่ 7 ก.ค. นี้
นายกิตติศักดิ์ เงินงอกงาม ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ ภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวว่า เดลต้าฯ เป็นผู้นำในประเทศไทยและอาเซียนที่ผลิต On board EV charger และ EV Charging Solution เป็นผู้นำตลาดเครื่องอัดประจุไฟยานยนต์ไฟฟ้า (EV Charger) และชิ้นส่วนยานยนต์ไฟฟ้า ให้แก่..รถยนต์ไฟฟ้าแบรนด์ดังในยุโรปและสหรัฐมากว่า 10 ปี เราจึงมีความเชี่ยวชาญในเทคโนโลยีระดับสูง เช่น Delta EV Charger และระบบเครื่องอัดประจุไฟยานยนต์ไฟฟ้า มี 2 ประเภทใหญ่ คือ 1.Off board อยู่นอกตัวรถมีหลายดีไซน์ ได้แก่ Cordset EV Charger สำหรับเสียบปลั๊ก ใช้เวลาชาร์จ 10 ชม., Wall Mount Charger ชนิดแขวนผนัง ใช้เวลาชาร์จ 6 ชม., DC Quick Charger ใช้เวลาชาร์จเพียง 15 -20 นาที 2.On board ติดอยู่กับตัวรถ ได้แก่ Onboard Charger, DC/DC, Battery Junction Box เป็นต้น
เดลต้าฯ ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุด ได้แก่อุปกรณ์และระบบชาร์จไฟสำหรับยานยนต์ไฟฟ้ารุ่น Delta DC Wallbox EV Charger ขนาด 25 kW. เหมาะสำหรับสถานีปั๊ม, อาคารสำนักงาน, คอนโดมิเนียมระดับ Hi-end ใช้เวลาชาร์จไฟรถยนต์ 30 - 40 นาที ทั้งนี้ EV Charger ของเดลต้าฯ ได้รับการยอมรับจากตลาดโลกเป็นอย่างมาก เช่น ยอดขายจากโครงการติดตั้งสถานีอัดประจุไฟฟ้าในประเทศนอร์เวย์ ถึง 300สถานี โดย ใช้ Delta EV Quick Charger จำนวน มากกว่า 1,000 เครื่อง ซึ่งเดลต้าฯ มีกำหนดส่งมอบในปี 2016 - 2018 ซึ่งนับเป็นเครือข่ายสถานีชาร์จยานยนต์ไฟฟ้าที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปขณะนี้ ส่วนอีกผลิตภัณฑ์ใหม่โดยทีมคุณกิตติศักดิ์ Energy Storage System (ESS) รุ่น E 30 นวัตกรรมตู้กักเก็บพลังงานไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ที่รวม 3 ระบบเข้าด้วยกัน คือ ระบบแบตเตอรี่ ระบบบริหารจัดการแบตเตอรี่ ระบบแปลงพลังงาน สามารถติดตั้งได้ตามพื้นที่ต้องการเก็บพลังงาน เช่น สำนักงาน โรงงาน หากเป็นบ้านเรือนจะใช้ รุ่น E 5 ซึ่งสามารถสำรองไฟฟ้าไว้ใช้ในเวลาที่จำเป็น หรือเป็นระบบไฟฟ้าสำรองได้ ทั้งนี้ผลิตภัณฑ์จะรองรับแนวโน้มที่อาคารและบ้านเรือนต่อไปจะผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังแสงอาทิตย์ใช้เอง นอกจากนี้เดลต้าฯ ได้มีความร่วมมือกับสถาบันยานยนต์ เตรียมเปิดศูนย์การเรียนรู้ยานยนต์ไฟฟ้าและสถานีอัดประจุไฟฟ้า ณ สถาบันยานยนต์ บางปู ในวันที่ 7 กค.นี้ เพื่อเป็นต้นแบบถ่ายทอดความรู้และเพิ่มขีดความสามารถให้แก่ผู้ประกอบการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ของไทย และให้ประชาชนทั่วไปได้สัมผัสกับเทคโนโลยี เตรียมความพร้อมของประเทศไทยสู่การเป็นฐานการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า EV หรือยานยนต์สมัยใหม่
นายเกษมสันต์ เครือธร ผู้จัดการภาคพื้นอาวุโส ฝ่ายอินดัสเทรียลออโตเมชั่น กล่าวว่า ผลิตภัณฑ์ใหม่จากเดลต้า ได้แก่ Robot Controller เป็นอุปกรณ์ควบคุมและสั่งการหุ่นยนต์ ซึ่งเดลต้าฯ คิดค้น แบบ All in one คือมี 1 motion controller, 4 Servo Drivers, 1 PLC, 1 DMCNET โดยลิ้งค์กับ I-pad หรือ PC ได้ สามารถใช้กับหุ่นยนต์อุตสาหกรรมหลายประเภทรวมทั้ง SCADA robot รวมถึงยังได้รับมาตรฐานยุโรปอีกด้วย ด้าน 3G Router เป็นการสื่อสารแบบไร้สายโดยใช้สัญญาณโทรศัพท์ ระหว่างคนกับอุปกรณ์หรือเครื่องจักร สามารถลิ้งค์ผ่านคลาวด์ ไม่จำกัดระยะทาง ไม่ว่าจะอยู่ที่ใดก็สามารถควบคุม สั่งงานเครื่องจักรได้ เดลต้าฯ เป็นที่ปรึกษาของธุรกิจอุตสาหกรรมที่มีความต้องการปรับปรุงกิจการของตัวเอง เพื่อยกระดับการผลิตและคุณภาพให้เป็นโรงงานอัจฉริยะ เครื่องจักรอัจฉริยะ โดยวิเคราะห์ ออกแบบและติดตั้งครบครันฮาร์ดแวร์และโซลูชั่น สำหรับการพัฒนาธุรกิจอุตสาหกรรม เอสเอ็มอี ซึ่งอยู่ในช่วงการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 เนื่องจากกระแสดิจิตอลเข้ามามีบทบาทนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการผลิตและบริหารจัดการ ระบบคลาวด์ออโตเมชั่นและ IoT ได้เชื่อมโยงให้เครื่องจักร หุ่นยนต์ ไลน์การผลิตและโรงงานเข้าเป็นหนึ่งเดียวที่สื่อสารกันได้ ทำให้สามารถเพิ่มผลผลิต คุณภาพและประสิทธิภาพเพื่อตอบสนองผู้บริโภคและตลาดที่แตกต่างได้
นายศักดิ์ดา แซ่อึ้ง ผู้จัดการอาวุโส ฝ่าย MCIS กล่าวว่า ในยุค Digital Economy ที่จะก้าวไปสู่ Thailand 4.0 การเข้าถึงข้อมูลแบบ real time เพื่อความมั่นคงปลอดภัยและเชื่อถือได้ของดาต้าเซ็นเตอร์เป็นหนึ่งในหัวใจสำคัญของการแข่งขันทางธุรกิจ Delta's InfraSuite Datacenter เป็นโซลูชั่นสำหรับอินฟราสตรัคเจอร์ ที่รวมไว้ใน 4 โมดูลหลัก 1.การจัดการพลังงาน 2.ตู้แร็คและอุปกรณ์ 3.การระบายความร้อนที่มีความแม่นยำสูง 4.ระบบการจัดการสิ่งแวดล้อมภายในห้อง Datacenter อินฟราสตรัคเจอร์ของเราออกแบบมาช่วยให้ธุรกิจองค์กรต่างๆได้มีดาต้าเซ็นเตอร์ที่ไว้วางใจได้สูงสุด มีเครื่องมือที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพสูง เพื่อจัดระเบียบเซิฟเวอร์ต่างๆภายในองค์กร เพิ่มขีดความสามารถขององค์กรสู่ประสิทธิภาพสูงสุด โดยประหยัดพลังงานและต้นทุนค่าใช้จ่ายมากที่สุด คงไว้ซึ่งความยืดหยุ่น ตลอดจนสามารถวางแผนให้ตรงกับปริมาณและความต้องการที่เปลี่ยนไป ผลิตภัณฑ์มุ่งเจาะตลาดองค์กรในประเทศไทยและ CLMV ซึ่งประเทศไทยเป็นประตูการค้าด้านไอซีทีสู่อินโดจีน