บริษัท วิ้งค์ไวท์พานาเซีย จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร, ผลิตภัณฑ์ดูแลบำรุงผิวหน้า ภายใต้แบรนด์ "Wink White" ดึง 2 มิสแกรนด์ไทยแลนด์ นั่งแท่นพรีเซ็นเตอร์ผลิตภัณฑ์น้องใหม่ Wink White Intensive Serum" ( วิงค์ไวท์ อินเทนซีฟ เซรั่ม) หรือ เซรั่มอิงล็อต เจาะกลุ่มสาววัย 20-40 ปี รับตลาดนี้ในโลกออนไลน์คู่แข่งน้อย
ชี้บริษัทมีจุดแข็งเรื่องแบรนด์ที่ลูกค้าเชื่อมั่นในตัวสินค้าจึงเป็นโอกาสต่อการรุกเข้าสู่ตลาดนี้เล็งออกสินค้าใหม่เพิ่มอีก 4 ตัว ตั้งเป้ารายได้สิ้นปี 65 อยู่ที่ 10,000 ล้านบาท แบ่งเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร 60% ผลิตภัณฑ์ดูแลบำรุงผิวหน้า 40%
คุณขวัญชนก ทวนวิจิตร ประธานบริษัท วิ้งค์ไวท์พานาเซีย จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร, ผลิตภัณฑ์ดูแลบำรุงผิวหน้า ภายใต้แบรนด์ " Wink White" เปิดเผยว่า จากการประสบความสำเร็จอย่างมากมายในการสร้างแบรนด์ "Wink White" ให้มีตัวตนขึ้นบนโลกออนไลน์ในด้านของการเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีคุณภาพ ใช้แล้วผู้บริโภคเห็นถึงผลลัพธ์อย่างแท้จริงจนเกิดการกลับมาซื้อซ้ำอย่างต่อเนื่อง
เพราะผู้บริโภคเชื่อมั่นและมีความไว้วางใจต่อผลิตภัณฑ์ของบริษัทอย่างมาก ซึ่งถือว่าเป็น Key Success สำคัญของการทำให้ผู้บริโภคเกิดความจงรักภักดี Brand Loyalty ต่อแบรนด์สินค้าของบริษัทอย่างมาก
โดยสามารถวัดได้จากยอดขายในปีที่ผ่านมาอยู่ที่10,000 ล้านบาท จำนวนตัวแทนจำหน่าย 40,000 คน และ ตัวแทนจำหน่ายบางรายมียอดขายต่อเดือนเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท ดังนั้นในปี 2565 นี้ บริษัทจึงมีแผนงานที่จะหันมารุกตลาดกลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลบำรุงผิวหน้าด้วยการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่คือ "Wink White Intensive Serum" ( วิงค์ไวท์ อินเทนซีฟ เซรั่ม) หรือ เซรั่มอิงล็อต เป็นตัวแรก
เนื่องจากเล็งเห็นช่องว่างทางการตลาดในกลุ่มสกินแคร์ที่เป็นประเภทเซรั่มที่อยู่ในตลาดออนไลน์ยังมีคู่แข่งน้อยอยู่ ขณะที่บริษัทมีความได้เปรียบในเรื่องของ Branding ที่ผู้บริโภคส่วนใหญ่รู้จักว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีผลวิจัยรับรอง สินค้าทุกตัวเมื่อผลิตออกมาจำหน่ายใช้แล้วเห็นผลลัพท์ได้จริง มีคุณภาพสูง น่าเชื่อถือ ราคาจับต้องได้
และ ด้วยเหตุผลดังกล่าวทำให้สินค้าล็อตแรกของ วิงค์ไวท์ อินเทนซีฟ เซรั่ม จำนวน 2 แสนขวด เมื่อผลิตออกมาก็ถูกขายไปหมดเลย เนื่องจากWink White Intensive Serum" ( วิงค์ไวท์ อินเทนซีฟ เซรั่ม) มีความแตกต่างจากผลิตภัณฑ์แบรนด์อื่น ๆ ในตลาดออนไลน์ ในแง่ของส่วนผสมที่ความเข้มข้นสูง แต่บางเบาซึมง่าย ประกอบกับการใช้กลยุทธ์การตลาดในการเข้าเป็นสปอนเซอร์สนับสนุนเวทีประกวด "มิสแกรนด์ไทยแลนด์"
พร้อมกับดึง " อิงฟ้า วราหะ" มิสแกรนด์ไทยแลนด์ 2022 และ "ชาล็อต ออสติน" รองอันดับ 5 มิสแกรนด์ไทยแลนด์ 2022 มาเป็นพรีเซ็นเตอร์คู่กันให้กับผลิตภัณฑ์ Wink White Intensive Serum" ( วิงค์ไวท์ อินเทนซีฟ เซรั่ม) หรือ เซรั่มอิงล็อต จากกระแสการประกวดเวทีนางงามต่าง ๆ ในประเทศไทยในปัจจุบันนี้มีความเปลี่ยนแปลงไปจากอดีตอย่างมาก
กล่าวคือ ปกติวงการประกวดนางงามเวทีต่าง ๆ จะไม่มี FC หรือแฟนคลับมาตาม แต่มาปีนี้ 2565 เวทีประกวดนางามกลับฉีกกฎมี FC มาตามกรี๊ด มาตามเฝ้าเหมือนเป็นศิลปินดาราคนนึงเลย จึงทำให้บริษัทดึงโอกาสของการเปลี่ยนแปลงนี้มาสร้างกลยุทธ์ตลาดให้กับผลิตภัณฑ์ความงามดังกล่าวเพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่ผู้หญิงที่มีอายุระหว่าง 20-40 ปี
ขณะเดียวกันก็ถือเป็นขยายฐานหาลูกค้าใหม่ ๆ ที่เกิดจาก FC ของทั้ง 2 พรีเซ็นเตอร์ที่มาช่วยกันจุดกระแสในโลกออนไลน์ผ่านกิจกรรมการเปิดตัว ผลิตภัณฑ์ Wink White Intensive Serum" ( วิงค์ไวท์ อินเทนซีฟ เซรั่ม) ที่บริษัทจัดขึ้น ณ.ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ที่ผ่านมาเนื่องจากภายในงานนี้จะมี FC หรือ แฟน ๆ นางงามของอิงฟ้า-ชาล็อต เดินทางมาร่วมให้กำลังใจทั้ง 2 สาว
จึงทำให้เกิดการโพสต์รูป แชร์รูป กิจกรรมดังกล่าวผ่าน FC ทั้งหลายเข้าไปในโลกออนไลน์จำนวนมาก ก่อให้เกิดการสร้างแบรนด์ การรับรู้ตัวผลิตภัณฑ์ เข้าไปสู่ผู้บริโภคได้โดยตรงมากกว่าการทำตลาดแบบ Offline
ส่วนทางด้านรายละเอียดของผลิตภัณฑ์ Wink White Intensive Serum" ( วิงค์ไวท์ อินเทนซีฟ เซรั่ม) เป็นเซรั่มดูแลผิวหน้า ช่วยลดฝ้า กระ รอยดำ ลดสิว รอยผิว ช่วยทำให้ผิวชุ่มชื้นเป็นนวัตกรรม Princip HYAL ไฮยาลูรอน 3 โมเลกุล มาจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ช่วยให้ผิวใส ผิวเด้ง แลดูเหมือนผิวเด็ก
ที่สำคัญช่วยกระตุ้นอิลาสติน และ เสริมสร้างคอลลาเจนให้กับผิวด้วย เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีผลวิจัยรับรองจากประเทศอิตาลี และยังมี Apha Arbutin จากประเทศแคนนาดา ที่ช่วยลดฝ้า รอยดำ และมีส่วนของ Allantoin จากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ที่ช่วยลดสิว รอยสิว และ ลดการระคายเคืองของสุขภาพผิว อย่างไรก็ดี
คุณขวัญชนก กล่าวเพิ่มเติมว่า ในแต่ละปีบริษัทมีแผนออกผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ไม่ต่ำกว่า 4 ตัว โดยจะเป็นผลิตภัณฑ์กลุ่มอาหารเสริม หรือ ผลิตภัณฑ์ดูแลบำรุงผิวหน้า ขึ้นอยู่กับกระแสตอบรับและความต้องการของผู้บริโภคช่วงเวลานั้น ๆ
สำหรับสถานการณ์เกี่ยวกับโควิด-19 ที่ผ่านมา ทางบริษัทได้รับผลกระทบในช่วงแรก ๆ ที่ผู้บริโภคหยุดชะงักในการซื้อสินค้าไป ทำให้บริษัทต้องปรับตัวด้วยการจัดโปรโมชั่นซื้อ 1 แถม 1 เพื่อกระตุ้นกำลังการซื้อกลับคืนมา รวมถึงการทำกลยุทธ์ CRM ในการให้บริการหลังการขายที่ให้ตัวแทนจำหน่ายโทรศัพท์ หรือ Inbox ไปสอบถามลูกค้าภายหลังซื้อสินค้าไปแล้ว 15 วัน เพื่อตรวจสอบว่าสินค้าที่ลูกค้าซื้อไปใช้แล้วเป็นอย่างไรบ้าง ใช้แล้วเห็นผลหรือไม่
ส่งผลให้บริษัทยังสามารถรักษายอดขาย และ ส่วนแบ่งตลาดที่วางไว้ได้ คือ ผลิตภัณฑ์อาหารเสริม 60% และ ผลิตภัณฑ์ดูแลบำรุงผิวหน้า 40 % และ ปี 2565 ยอดขายของบริษัทก็คงอยู่ที่ 10,000 ล้านบาท เช่นกัน