เครื่องใช้ไฟฟ้าสัญชาติยุโรปบุกไทยชิงแชร์ตลาด 2.3แสนล้านบาท “อีเลคโทรลักซ์” ส่ง 3 กลุ่ม Taste, Care และ Wellbeing เจาะตลาดคนรักดีไซน์ “บ๊อซ” ชิมลางจับตลาดพรีเมียม ด้าน “เบโค” ทุ่ม 3,000 ล้านบาท เพิ่มกำลังการผลิตหลังส่งทัพสินค้าชิ้นเล็กปูพรมต่อ
หลังปล่อยให้เครื่องใช้ไฟฟ้าสัญชาติเกาหลี ญี่ปุ่น จีน กรีฑาทัพบุกตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าเมืองไทยมูลค่ากว่า 2.3 แสนล้านบาทมานาน คราวนี้ถึงทีของแบรนด์ดังฝั่งตะวันตกทั้งอีเลคโทรลักซ์, บ๊อซ และเบโค ที่ขอเปิดศึกชิงเค้กก้อนใหญ่นี้บ้าง สอดรับแนวโน้มตลาดที่เริ่มส่งสัญญาณบวกตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นสภาพเศรษฐกิจ กำลังซื้อที่ฟื้นตัว สภาพอากาศหน้าร้อนที่เป็นใจ ประกอบกับความนิยมในดีไซน์ยุโรปของลูกค้ามีเพิ่มขึ้น จึงถือเป็นโอกาสทองของผู้ประกอบการ
นางสาวภารดี ศรีรัตน-ประภาส ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัทอีเลคโทรลักซ์ ประเทศไทยฯ ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้า “อีเลคโทรลักซ์” จากสวีเดน เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ปัจจุบันตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าในเมืองไทยจะมีการแข่งขันสูง และมีบริษัทสัญชาติยุโรปและอเมริกันเข้ามาจำนวนมาก แต่บริษัทก็ยังคงเดินหน้าตามแผนงานที่วางไว้ด้วยการมุ่งพัฒนาคุณภาพสินค้าของบริษัทเพื่อตอบสนองความต้องการของกลุ่มเป้าหมายและกลายเป็นบริษัทชั้นนำทางเครื่องใช้ไฟฟ้าระดับโลกต่อไป ซึ่งแผนงานในการทำตลาดในประเทศไทยปีนี้จะให้ความสำคัญกับการทำตลาดสินค้าใน 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ Taste (รสชาติ-ผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ในครัว), Care (การดูแลเอาใจใส่-ผลิตภัณฑ์ถนอมเนื้อผ้า) และ Wellbeing (การเป็นอยู่ที่ดี-ผลิตภัณฑ์อื่นๆ เช่น เครื่องปรับอากาศ เครื่องฟอกอากาศ เครื่องดูดฝุ่น เครื่องทำนํ้าอุ่น เป็นต้น)
เริ่มตั้งแต่ไตรมาส 1 บริษัทเปิดตัวสินค้าในกลุ่ม Taste ได้แก่ เตาอบ เตาไฟฟ้า เตาแก๊ส เครื่องดูดควัน เครื่องล้างจาน ฯลฯ โดยเน้นให้สามารถตอบโจทย์กลุ่มผู้บริโภคที่มองหาเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวลักษณะบิวต์อินที่สวยงาม และส่งเสริมให้ผู้บริโภคได้สัมผัสประสบการณ์การใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวของอีเลคโทรลักซ์มากยิ่งขึ้น โดยจัดให้มีการสาธิตและการเรียนทำอาหารในครัวของอีเลคโทรลักซ์ ต่อด้วยกลุ่ม Wellbeing ที่ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์นวัตกรรมล่าสุดคือ เครื่องดูดฝุ่นหุ่นยนต์อัตโนมัติซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคในยุคดิจิตอล นอกจากนี้ยังมีเครื่องปรับอากาศ ที่เน้นจุดเด่นเรื่องการดูแลสุขภาพของผู้ใช้งานด้วยประสิทธิภาพการกรองสารก่อภูมิแพ้ได้ถึง 99%
ขณะที่สินค้าในกลุ่มผลิตภัณฑ์ Care อย่าง เครื่องซักผ้ารุ่น Ultramix ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งไฮไลต์ของบริษัทปีนี้ โดยได้ร่วมงานกลับดีไซเนอร์ระดับประเทศในการออกแบบผลิตภัณฑ์โดยเตรียมเปิดตัวเร็วๆ นี้ อย่างไรก็ตามปัจจุบันในแต่ละปีอีเลคโทรลักซ์และกลุ่มบริษัทในเครือ มียอดจำหน่ายสินค้ากว่า 60 ล้านชิ้น ในกว่า 150 ประเทศทั่วโลก โดยมีแนวโน้มเติบโตสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
หลังศึกษาตลาดอย่างถี่ถ้วนในช่วงหลายปีที่ผ่านมา จนเชื่อมั่นในศักยภาพตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าในเมืองไทย โดยเฉพาะในปีนี้ ที่มีทิศทางดีขึ้นจากปัจจัยการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าระดับพรีเมียมที่ยังคงมีกำลังซื้อสูงอยู่ สังเกตได้จากโปรโมชันที่เผยแพร่ทางออนไลน์ออกไป และได้รับเสียงตอบรับจากผู้บริโภคกลุ่มนี้พอสมควร ทำให้บริษัท บีเอสเอช โฮม แอ็พพลายแอ็นซ์ จำกัด (ประเทศไทย) ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้า Bosch, Siemens และ Gaggenau จากประเทศเยอรมนี ตัดสินใจรุกตลาดในเมืองไทยเต็มรูปแบบ
โดยนายชลวิทย์ ณ สงขลา กรรมการผู้จัดการ บีเอสเอช บอกว่า บริษัทตัดสินใจเปิดตัว 4 กลุ่มผลิตภัณฑ์ ประกอบด้วย กลุ่มเครื่องซักผ้าและอบผ้า, กลุ่มเครื่องใช้ในครัวและเตาอบ, กลุ่มตู้เย็น และกลุ่มเครื่องล้างจาน พร้อมชู 3 จุดเด่นในเรื่องคุณภาพ ที่มีมาตรฐานเดียวกันทั่วโลก, ให้ผลลัพธ์ที่ดี และใช้งานง่าย ไม่ยุ่งยาก เพราะเชื่อมั่นในตลาดเมืองไทยทั้งนี้จะทยอยนำเข้าผลิตภัณฑ์จากยุโรป จีนและอินเดียมาทำตลาดราว 100 รายการ โดยเน้นเจาะกลุ่มลูกค้าพรีเมียม ผ่านตัวแทนจำหน่ายห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วประเทศ และช่องทางออนไลน์ เป็นหลัก โดยมีราคาตั้งแต่ 16,900-129,900 บาท นอก จากนี้บริษัทยังมีแผนในการสร้างการรับรู้แบรนด์ผ่านสื่อต่างๆ ในช่วงเดือนพฤษภาคมนี้ พร้อมกับการนำเข้าเครื่องซักผ้าฝาบนเข้ามาทำตลาดในไทยเป็นประเทศแรก มีจำนวน 7 รุ่น ขนาด 8-16 กิโลกรัม และในปี 2562 บริษัทยังมีแผนจะนำเข้าผลิตภัณฑ์กลุ่ม Smart Home เข้ามาทำตลาดอีกด้วย
นอกจากนี้บริษัทยังมี Show room แสดงสินค้า ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาเป็น Experience Center พื้นที่ที่เปิดให้ลูกค้าได้สัมผัสสินค้าจริงก่อนตัดสินใจซื้อ ตั้งอยู่บนพื้นที่ 230 ตารางเมตร ณ อาคารอิตัลไทย และมีศูนย์บริการทั้งหมด 65 แห่งทั่วประเทศ ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด อาทิ จังหวัดเชียงใหม่ ภูเก็ต และในปีนี้มีแผนจะขยายศูนย์บริการในภาคอีสานเพิ่มขึ้นในจังหวัดหัวเมืองใหญ่ โดยมีการทำตลาดผ่าน 4 ช่องทาง ได้แก่ Modern Trade, Traditional Trade, Kitchen Retails และ Project Business
ด้านนายพรชัย ตระกูลเตชะเดช ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและวางแผนผลิตภัณฑ์ ภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก บริษัท เบโค (ไทย) จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้า “เบโค” ประเทศอังกฤษ กล่าวว่า บริษัทมีแผนขยายไลน์สินค้าเพิ่มเติม โดยจะจำหน่ายตู้เย็นนิวฟอส 180 ลิตร กระจายสินค้าไปสู่กลุ่มเมืองรอง พร้อมทั้งนำเข้าเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็กมาวางจำหน่ายมากขึ้น อาทิ เตาอบ ไมโครเวฟ เครื่องปั่น หม้อหุงข้าว เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีแผนขยายกำลังผลิตตู้เย็น ในโรงงานที่นิคมฯเหมราช จังหวัดระยอง ซึ่งลงทุนไปกว่า 3,000 ล้านบาท หรือ 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากปัจจุบันที่มีกำลังการผลิต 5 แสนเครื่อง เพิ่มขึ้นเป็น 1 ล้านเครื่อง โดยสัดส่วน 60% ของกำลังผลิตจะส่งออกไปต่างประเทศ อาทิ เยอรมนี อังกฤษ สเปน ตุรกี ตะวัน ออกกลาง จีน เกาหลีใต้ ฟิลิปปินส์ และสิงคโปร์ โดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตในกลุ่มประเทศอาเซียน รวมถึงการดูแลตลาดประเทศมาเลเซีย และเวียดนาม และ ปีหน้าจะรุกเข้าไปทำตลาดที่ประเทศอินโดนีเซียด้วย หลังจากปีนี้ได้เข้าไปจัดตั้งบริษัทแล้วเรียบร้อย
อย่างไรก็ตามปัจจุบันสินค้ากลุ่มตู้เย็นและเครื่องซักผ้า ยังเป็นสินค้าหลักที่มีสัดส่วนการขายประมาณ 80% โดยตั้งเป้าภายในระยะ 5 ปีนับจากนี้ สินค้ากลุ่มตู้เย็นจะขึ้นมาครองส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับ 5 ในตลาด และเครื่องซักผ้าจะขึ้นมาติดอันดับ 1 ใน 3 แบรนด์ชั้นนำ และสัดส่วนของการส่งออกตู้เย็น จะมีการปรับสัดส่วนจาก 60% เหลือ 30% ภายในระยะเวลา 5 ปี โดยยอดขายหลังจากทำตลาดมา 1 ปีเต็ม คาดว่าจะสามารถทำยอดขายเติบโตได้เท่าตัวภายในปีหน้า
นาทีนี้คงต้องจับตามองว่าแบรนด์ดังซีกตะวันออกจะแก้เกมอย่างไร เมื่อยักษ์ใหญ่จากยุโรปเข้ามารุกหนัก หวังกวาดส่วนแบ่งตลาดในครั้งนี้...
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,349 วันที่ 18 - 21 มีนาคม พ.ศ. 2561