ธนารักษ์เดินหน้าบ้านคนไทยประชารัฐ 8 โครงการ ในหัวเมืองใหญ่ รองรับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ-คนมีรายได้น้อยมีที่อยู่อาศัย เตรียมเปิดยื่นซองโครงการเชียงราย ชาวบ้านสนใจจองแน่น เปิดทางให้ผ่อนดาวน์ 2,000 บาทต่อเดือน
นายพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมธนารักษ์ ลงพื้นที่ตรวจโครงการบ้านคนไทยประชารัฐ จ.เชียงราย หลังจากได้กำหนดพื้นที่นำร่อง 8 จังหวัด ประกอบด้วย ชลบุรี ประจวบคีรีขันธ์ เชียงใหม่ เชียงราย ขอนแก่น อุดรธานี ลำปาง และนครพนม รวมกว่า 2,000 ยูนิต มูลค่าโครงการทั้งสิ้นทั้งหมด 1,422 ล้านบาท เพื่อนำพื้นที่ทำเลดี ใจกลางเมือง มาจัดทำโครงการอยู่อาศัยให้กับชาวบ้านผู้มีรายได้น้อย หลังจากได้เปิดโครงการบ้านคนไทยให้ชาวบ้านจองสิทธิ์ไปแล้วที่ จ.ชลบุรี กรมธนารักษ์จึงทะยอยเตรียมเปิดโครงการอาคารชุด อ.เมือง จ.เชียงราย พื้นที่ 3.3 ไร่ จำนวน 350 ยูนิต ตั้งอยู่ริมแม่น้ำไหลผ่านตัวเมือง ขณะนี้ มีเอกชน 7 ราย เสนอประมูล เปิดยื่นซองในวันที่ 20 ก.ย. นี้ ใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 1 ปี ล่าสุด มีชาวบ้านสนใจมาลงทะเบียนจองแล้วกว่า 600 ราย จากนั้นในปี 2562 กรมธนารักษ์เตรียมเปิดประมูลโครงการบ้านคนไทยประชารัฐเพิ่มอีก 2 โครงการ คือ ลำปางและนครพนม ขณะนี้อยู่ระหว่างรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่
ทั้งนี้ ได้กำหนดสิทธิ์การจองที่อยู่อาศัยให้กับประชาชน 3 กลุ่ม คือ 1.ผู้มีรายได้น้อยในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 2.กลุ่มประชาชนที่มีรายได้ไม่เกิน 35,000 บาทต่อเดือน และ 3.ประชาชนทั่วไป โดยจะเน้นกลุ่มถือบัตรสวัสดิการฯ ให้สิทธิ์จองได้เป็นกลุ่มแรก จองได้ 1 คน ต่อ 1 สิทธิ์ที่พักอาศัย หากธนาคารพิจารณาปล่อยกู้ไม่ผ่าน ยังเปิดโอกาสให้ผ่อนดาวน์ เพื่อฝากเงินต่อเนื่อง เพื่อสร้างนิสัยการออม 2,000 บาทต่อเดือน หากผ่อนดาวน์ได้ครบตามกำหนด จากนั้นจะนำข้อมูลไปเสนอธนาคารพิจารณาปล่อยกู้อีกครั้ง เปิดโอกาสให้เปลี่ยนมือได้หลังจากครอบครอง 5 ปี เพื่อให้ผู้มีรายได้น้อยอยู่อาศัย แม้คนต่างจังหวัดยังสามารถมาลงทะเบียนสิทธิ์ที่เชียงรายได้ จึงคาดว่ารายได้จะผ่อนชำระได้ไม่มีปัญหา
น.ส.อมรรัตน์ กล่ำพลบ รองอธิบดีกรมธนารักษ์ เปิดเผยว่า รูปแบบการสร้างบ้านอยู่อาศัย จัดทำ 3 รูปแบบ คือ บ้านแฝด บ้านแถว และอาคารชุดพักอาศัย ขนาดพื้นที่ใช้สอยไม่น้อยกว่า 28 ตารางเมตร กำหนดราคาตั้งแต่ 3.5 แสนบาท - 7 แสนบาทต่อหน่วย โดยผู้เข้าร่วมโครงการนั้น ธนาคารอาคารสงเคราะห์และธนาคารออมสิน กรมธนารักษ์ จะร่วมกันพิจารณาผู้ได้รับสิทธิเข้าโครงการ และมีแนวทางให้ความช่วยเหลือประชาชนที่มีรายได้น้อย และอาจไม่ผ่านเกณฑ์การพิจารณาของธนาคาร เปิดทางให้นำเงินฝากไว้ในบัญชีออมทรัพย์ของธนาคาร หรือ การผ่อนดาวน์ เพื่อให้มีกำลังผ่อนชำระค่าเช่าอย่างน้อย 9 เดือน หรือตามที่ธนาคารกำหนด เพื่อแสดงถึงวินัยในการออมเงินและผ่อนชำระ และเมื่อผู้ได้รับสิทธิผ่าน Pre Approve กับธนาคารแล้วให้เงินฝากดังกล่าวเป็นเงินดาว์นของผู้ประกอบการ แต่หากผู้ได้รับสิทธิผิดเงื่อนไข ผู้ประกอบการสามารถริบเงินฝากดังกล่าวได้
ขณะที่ มาตรการสินเชื่อธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) และธนาคารออมสิน พร้อมสนับสนุนวงเงินสินเชื่อสำหรับดำเนินโครงการดังกล่าว กรอบวงเงินปล่อยสินเชื่อโครงการ 4,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น สินเชื่อเพี่อพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย (Pre Finance) โดยกำหนดอัตราดอกเบี้ยผ่อนปรนปี 1-3 ที่ร้อยละ 3 ต่อปี หลังจากนั้น MLR- ไม่เกิน 1% ต่อปี ระยะเวลาการกู้ไม่เกิน 5 ปี เพื่อสนับสนุนสินเชื่อให้กับผู้ประกอบการ หรือ บริษัท ธนารักษ์ พัฒนาสินทรัพย์ จำกัด ที่เข้าร่วมพัฒนาโครงการ และสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (Post Finance) โดยกำหนดอัตราดอกเบี้ยผ่อนปรนปีที่ 1-4 ที่ 2.75% ต่อปี หลังจากนั้น กรณีรายย่อย MRR-0.75% ต่อปี หรือ กรณีสวัสดิการหักเงินเดือน MRR-1% ต่อปี ระยะเวลาการกู้ไม่เกิน 30 ปี และผ่อนปรนการกำหนดอัตราส่วนรายจ่ายในการชำระหนี้ต่อรายได้ต่อเดือน หรือ อัตราส่วนภาระผ่อนชำระหนี้รวมต่อรายได้สุทธิ ตามที่ธนาคารกำหนด การให้รายย่อยทดลองผ่านค่าเช่าแบบเช่าซื้อ หรือ ผ่อนดาวน์ จะช่วยสร้างนิสัยการออม เพื่อให้ธนาคารพิจารณาปล่อยสินเชื่อได้