กรมวิชาการเกษตรรื้อร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองพันธุ์พืช ให้ความคุ้มครองสิทธิ์นักปรับปรุงพันธุ์ ย้ำ! เก็บเมล็ดพันธุ์ไว้ปลูกต่อได้ไม่มีโทษ ยัน! กฎหมายใหม่เพิ่มทางเลือกให้ความเป็นธรรมต่อเกษตรกรและนักปรับปรุงพันธุ์
นางสาวเสริมสุข สลักเพ็ชร์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร ชี้แจงกรณีการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายคุ้มครองพันธุ์พืช ซึ่งกรมวิชาการเกษตรได้เปิดรับฟังความคิดเห็นร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองพันธุ์พืชทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ (เว็บไซต์) จากทุกภาคส่วนที่มีความเกี่ยวข้อง มาตั้งแต่เดือน ต.ค. 2560 – ก.พ. 2561 โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการปรับปรุงแก้ไขร่าง พ.ร.บ. หากแล้วแสร็จจะนำไปประชาพิจารณ์และรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วนใน 6 ภูมิภาคทั่วประเทศอีกครั้ง
การปรับปรุงแก้ไขกฎหมายในครั้งนี้ได้ยึดผลประโยชน์ของเกษตรกรเป็นหลัก โดยไม่ได้เสียผลประโยชน์ใด ๆ ทั้งสิ้น รวมทั้งเกษตรกรยังคงสามารถเก็บเมล็ดพันธุ์ไปปลูกในฤดูต่อไปในพื้นที่ของตนเองได้โดยไม่มีโทษใด ๆ ส่วนการขยายการคุ้มครองจากส่วนขยายพันธุ์ไปถึงผลผลิตและผลิตภัณฑ์นั้น หมายถึง ขยายความคุ้มครองไปถึงเฉพาะ
"ผลผลิต" หรือ
"ผลิตภัณฑ์" ที่เกิดจากส่วนขยายพันธุ์ที่ได้มาโดยมิชอบเท่านั้น แต่หากส่วนขยายพันธุ์นั้นได้มาอย่างถูกต้องแล้ว ผู้ผลิตก็มีสิทธิในผลผลิตและผลิตภัณฑ์นั้น ทั้งนี้ เพื่อป้องกันเจตนาที่จะใช้ประโยชน์จากส่วนขยายพันธุ์ที่ได้มาอย่างไม่ถูกต้อง
ส่วนกรณีการปรับระยะเวลาคุ้มครองตามกลุ่มพืช จากเดิมพืชล้มลุก 12 ปี เป็น 20 ปี พืชไม้ผลไม้ยืนต้นจาก 17 เป็น 25 ปี และพืชให้เนื้อไม้จาก 27 เป็น 25 ปีนั้น เนื่องจากในการพัฒนาปรับปรุงพันธุ์พืชกว่าจะได้พันธุ์ใหม่ที่ดีมีศักยภาพออกสู่ตลาด จำเป็นต้องใช้ต้นทุนทั้งความคิด เวลา และงบประมาณ ซึ่งการปรับช่วงเวลาที่นักปรับปรุงพันธุ์จะได้ประโยชน์จากพันธุ์พืชไร่และพืชล้มลุกและพืชยืนต้นดังกล่าวนั้น จะทำให้นักปรับปรุงพันธุ์มีแรงจูงใจที่จะลงทุนและลงแรงในการปรับปรุงพันธุ์ใหม่ ๆ ขึ้นมา รวมทั้งเกษตรกร ประชาชนทั่วไป นักวิชาการ ซึ่งเป็นผู้ปรับปรุงพันธุ์พืชใหม่และได้จดทะเบียนคุ้มครอง ก็จะได้รับผลประโยชน์จากการขยายระยะเวลาการคุ้มครองนี้ด้วยเช่นกัน
อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าวว่า นอกจากนี้การปรับแก้ที่มาของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากเกษตรกร นักวิชาการ องค์กรสาธารณประโยชน์ และภาคเอกชน จากการเลือกตั้งกันเอง เป็นแต่งตั้งทั้งหมดนั้น มีวัตถุประสงค์เพื่อลดขั้นตอนให้การแต่งตั้งคณะกรรมการสามารถทำได้รวดเร็วขึ้นและมีความต่อเนื่อง ทำให้ดำเนินการได้ทันต่อเหตุการณ์ จึงปรับแก้ไขวิธีการคัดเลือกคณะกรรมการ โดยยังคงไว้ซึ่งองค์ประกอบของคณะกรรมการจากทุกภาคส่วนเช่นเดิม
"การปรับปรุงแก้ไข พ.ร.บ.คุ้มครองพันธุ์พืช ในครั้งนี้เป็นการปรับมาตรฐานการคุ้มครองพันธุ์พืชใหม่ให้สอดคล้องกับหลักสากล โดยเกษตรกรยังสามารถใช้พันธุ์พืชดั้งเดิมและเมล็ดพันธุ์ที่มีอยู่ทั่วไปได้ตามปกติ ขอย้ำว่า การปรับแก้กฎหมายครั้งนี้เกษตรกรจะประโยชน์ที่เพิ่มขึ้นจากการได้รับสิทธิ์การคุ้มครองพันธุ์พืชที่ได้จากการปรับปรุงพันธุ์ขึ้นมาใหม่ รวมทั้งยังเป็นการเพิ่มทางเลือกและให้ความเป็นธรรมต่อเกษตรกรและนักปรับปรุงพันธุ์พืชด้วย" อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าว