สัมภาษณ์
สมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย กำลังจะได้นายกคนใหม่ในลำดับที่ 3 ต่อจากนายวิเชียร พวงลำเจียก และนายสุเทพ คงมาก (ที่หมดวาระและยังรักษาการถึงวันที่ 18 มิถุนายน 2562) ซึ่งจะเป็นใครนั้นทางสมาคมยังไม่เปิดเผย แคนดิเดตว่ามีใครบ้าง อย่างไรก็ดี “ฐานเศรษฐกิจ” ฉบับนี้สัมภาษณ์พิเศษ นายสุเทพคงมาก ถึงผลงานเด่นช่วงที่ผ่านมาที่ฝากไว้ให้ชาวนาทั่วประเทศได้จดจำ และมีเรื่องอะไรบ้างที่จะส่งไม้ต่อให้นายกคนใหม่ ช่วยสานต่อ
ชูตลาดนำการผลิต
นายสุเทพ กล่าวว่า ในฐานะที่เป็นนายกสมาคมปีนี้ย่างเข้าสู่ปีที่ 5 แต่ในข้อบังคับของสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย มีระเบียบข้อบังคับที่ชัดเจนว่า นายกสมาคมและกรรมการจะดำรงตำแหน่งได้ไม่เกิน 2 วาระ วาระละ 2 ปี ซึ่งปีนี้เป็นวาระที่ 2 และได้หมดวาระลงแล้ว แต่ตนยังรักษาการนายกสมาคมอยู่จนถึงวันที่ 18 มิถุนายนนี้ที่จะมีประชุมใหญ่วิสามัญโดยหนึ่งในวาระสำคัญคือ การเลือกตั้งนายกสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทยคนใหม่
สุเทพ คงมาก
“ผมประกาศไว้ตั้งแต่เริ่มรับตำแหน่งตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม 2558 ว่า จะชูนโยบาย “ตลาดนำการผลิต นำพาชาวนาสู่ความเข้มแข็ง สร้างข้าวให้ลํ้าค่า สร้างชาวนาให้มั่นคง” ซึ่งก็ได้ขับเคลื่อนการทำงานตามวิสัยทัศน์ข้างต้นมาโดยตลอด ที่ผ่านมาก็พยายามบอกกับชาวนาว่าเราจะอยู่เหนือการเมือง ไม่ให้การเมืองมาใช้เราเป็นเครื่องมือในการแสวงหาผลประโยชน์ ซึ่ง 4 ปีที่ผ่านมาก็สามารถยืนหยัดได้ และได้เชื่อมโยงการทำงานร่วมกับรัฐบาลและภาคราชการมีการเชื่อมโยงห่วงโซ่ข้าว ทำห่วงโซ่คุณธรรมให้เกิดขึ้นโดยจับมือกับโรงสี ผู้ประกอบการค้าข้าว ข้าวถุง หยง และผู้ส่งออก มีความสัมพันธ์ที่ดี วันนี้ในองค์กรต่างๆ ที่ทำธุรกิจข้าวได้เข้าใจชาวนามากขึ้นไม่ว่าจะเป็นนโยบายนาแปลงใหญ่ แผนผลิตข้าวครบวงจร เดินกันมาตลอด โดยเฉพาะกับรัฐบาลที่ผ่านมา”
ปั้นแบรนด์ข้าวถุง-รุกค้าออนไลน์
นอกจากนี้ยังได้จัดตั้ง บริษัท ข้าวรวมพลัง จำกัด ขึ้นเพื่อผลิตและจำหน่ายข้าวบรรจุถุง 5 กิโลกรัม ในแบรนด์ “ข้าวรวมพลัง” โดยรับซื้อข้าวเปลือกหอมมะลิ ข้าวหอมปทุมธานี จากสมาชิกในราคาสูงกว่าตลาด ซึ่งสามารถช่วยสมาชิกได้ในระดับหนึ่ง แต่ยังไม่เพียงพอ
ล่าสุด ทางผู้บริหารของสมาคมได้มีการประชุมความร่วมมือ 4 ฝ่าย ได้แก่ บริษัท ข้าวรวมพลัง จำกัด, บริษัทเกษตรกรลุ่มนํ้าปากพนัง จำกัด, สมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย และบริษัท เทรดคอนเน็ค จำกัด ซึ่งเป็นเจ้าของและผู้พัฒนาโปรแกรมประยุกต์คอนเนกต์มาร์เก็ต ออนไลน์ เพื่อทำตลาดกลางข้าวอินทรีย์แบบจับคู่และประมูลออนไลน์ ป้องกันชาวนาถูกเอาเปรียบจากที่ถูกกดราคามาโดยตลอด โดยที่ชาวนาจะสามารถกำหนดราคาขายได้ หากไม่พอใจราคาสามารถยกเลิกการขายได้
“ที่เป็นความภาคภูมิใจที่สุด คือ ในวันที่ 5 มิถุนายน 2563 จะได้เห็น “วันข้าวและชาวนาแห่งชาติ” เป็นวันสำคัญของชาติโดยจะบรรจุลงในปฏิทินให้ทราบโดยทั่วกัน ผ่านราชกิจจานุเบกษาแล้ว สาเหตุที่เลือกวันนี้สืบเนื่องจากเมื่อปี 2489 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล รัชกาลที่ 8 ได้เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชฯ ทอดพระเนตรการทำนาที่ อ.บางเขน และทอดพระเนตรกิจกรรมที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ทั้งได้ทรงหว่านข้าวด้วยพระองค์เองในแปลงนา นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณที่หาที่สุดมิได้”
ย้ำพึ่งตนเองสู่ความยั่งยืน
นายสุเทพ กล่าวยํ้าว่า อาชีพชาวนาจะต้องมั่นคงและยั่งยืน ซึ่งเวลานี้ได้มีการรวมกลุ่มทำนาแปลงใหญ่ ช่วยลดต้นทุน สร้างอำนาจต่อรอง และช่วยเพิ่มรายได้ มีการจัดทำแผนข้าวผลิตครบวงจร การเชื่อมโยงตลาดในห่วงโซ่ข้าวซึ่งไม่ว่ารัฐบาลชุดใดจะเข้ามาชาวนาต้องเน้นสร้างความเข้มแข็งและต้องยืนอยู่ได้ด้วยตัวเอง โดยต้องรวมกลุ่มกันให้ได้ ซึ่งในส่วนของสมาคมในฐานะตัวแทนเกษตรกรจะพยายามผลักดันนโยบายต่างๆ เพื่อให้พี่น้องชาวนาได้ประโยชน์
“รัฐบาลใหม่ที่จะเข้ามาต้องมีความจริงใจและต้องดูแลผลประโยชน์ของชาวนาซึ่งวันที่ 18 มิถุนายนนี้จะมีนายกสมาคมคนใหม่เป็นลำดับที่ 3 ผมมั่นใจว่าสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทยต้องเดินตามนโยบายของสมาคม ซึ่งเราเขียนเป็นวัตถุประสงค์ วิสัยทัศน์ และนโยบายไว้ เพื่อนำชาวนาสู่ความยั่งยืนให้จงได้”
หน้า 13 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 39 ฉบับที่ 3,478 วันที่ 13-15 มิถุนายน 2562