“ไฮเซ่นส์” รุกตลาดไทย ขยายไลน์อัพกลุ่มทีวี -ตู้เย็น ส่ง “4K Laser TV” เรือธงเจาะทุกช่องทางทั้งตลาดออนไลน์และออฟไลน์ พร้อมใช้อินฟลูเอนเซอร์ขับเคลื่อนแบรนด์
นายยี่ เสี่ยวผิง กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไฮเซ่นส์ อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ประเทศไทยถือเป็นตลาดที่มีความสำคัญสำหรับไฮเซ่นส์ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาได้ทำการศึกษาความต้องการของผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง และมีการคิดค้นและพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ รวมทั้งในปีนี้ ไฮเซ่นส์จะขยายไลน์อัพกลุ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพิ่มมากขึ้นโดยเฉพาะทีวีและตู้เย็นซึ่งเป็นความต้องการพื้นฐานของผู้บริโภค
ยี่ เสี่ยวผิง
“ในปีนี้ ไฮเซ่นส์จะขยายไลน์อัพกลุ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะทีวีและตู้เย็นซึ่งเป็นความต้องการพื้นฐานของผู้บริโภคและเชื่อว่าการอยู่ร่วมกันของครอบครัวเป็นสิ่งสำคัญ ดังนั้นทีวีมีขนาดใหญ่และให้คุณภาพระดับ 4K ขึ้นไปจึงเป็นผลิตภัณฑ์ที่เราจะเน้นการทำตลาดในปีนี้ ภายใต้คอนเซ็ปต์ 4K Bigger Is Better พร้อมด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์ตู้เย็นขนาดใหญ่ หลายประตู อีกทั้งผลิตภัณฑ์เรือธงของแบรนด์ที่เคยสร้างการรับรู้ไปเมื่อปีที่ผ่านมาอย่าง 4K Laser TV นั้น ถูกนำเข้ามาจัดจำหน่ายอย่างเป็นทางการแล้วในปีนี้”
ด้าน นายฉันท์ชาย พันธุฟัก ผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาด บริษัท ไฮเซ่นส์ อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า สำหรับการตลาดนั้น ในช่วงครึ่งปีหลัง ไฮเซ่นส์ยังคงเน้นการสร้างการรับรู้แบบเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายโดยตรงผ่านช่องทางการจัดจำหน่ายพันธมิตรอย่าง เทสโก้ โลตัส โฮมโปร และเพาเวอร์บายทุกสาขา หรือมาร์เก็ตเพลสออนไลน์ต่างๆ พร้อมทั้งเน้นการใช้โซเชียลมีเดียมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการให้อินฟลูเอนเซอร์ (Influencer) รีวิวผลิตภัณฑ์แบบใช้งานจริง
“ผลิตภัณฑ์กลุ่มทีวีที่ไฮเซ่นส์เพิ่มไลน์อัพในปีนี้คือกลุ่มที่มีขนาดใหญ่ 75 นิ้ว และ 65 นิ้ว เพราะช่วงที่ผ่านมาขนาด 55 นิ้วถือเป็นขนาดมาตรฐานของผู้บริโภคไปแล้ว ได้แก่ ULED TV รุ่น B8000 ขนาด 65 นิ้ว OLED TV รุ่น A91 ขนาด 55 นิ้ว แอนดรอยด์ ทีวี (Android TV) รุ่น B7700 ขนาด 65 นิ้ว ที่ใช้งานง่าย รองรับภาษาไทยค้นหาด้วยเสียง ทั้งยังเปลี่ยนสมาร์ทโฟนเป็นรีโมตอัจฉริยะผ่านแอพพลิเคชัน RemoteNOW และ Premium UHD TV รุ่น B7500 ซึ่ง มีตั้งแต่ขนาด 75-43 นิ้วเพื่อรองรับการใช้งานของผู้บริโภคทุกกลุ่มโดยคุณสมบัติเด่นของทุกรุ่น นั้นให้คุณภาพของภาพระดับ 4K”
ปัจจุบัน ไฮเซ่นส์ เป็นเจ้าของบริษัทที่ตั้งอยู่ทั่วโลกจำนวนทั้งสิ้น 54 แห่ง มีฐานการผลิตตั้งอยู่ในต่างประเทศ 5 แห่ง และยังมีศูนย์ R & D อีก 7 แห่งที่ทำการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อสร้างผลิตภัณฑ์อันทันสมัยสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง ที่ผ่านมาเน้นกลยุทธ์สปอร์ต มาร์เก็ตติ้ง (Sport Marketing) เพื่อสร้างการรับรู้แบรนด์ โดยได้ให้การสนับสนุนการแข่งขันฟุตบอลโลก หรือ ฟีฟ่า เวิลด์คัพ 2018 (FIFA World Cup™) และขณะนี้ได้เป็นผู้สนับสนุนอย่างเป็นทางการของการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2020 หรือ UEFA EURO 2020 ควบคู่ไปกับการทำการตลาด ในแต่ละประเทศซึ่งมั่นใจว่าจะทำให้แบรนด์ไฮเซ่นส์ได้รับความสนใจและเป็นที่จดจำในตลาดระดับนานาชาติเพิ่มมากขึ้น
หน้า 32 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ | ฉบับ 3481 ระหว่างวันที่ 23-26 มิถุนายน 2562