ถอดรหัส Gen 3 “ศรีจันทร์” “รวิศ หาญอุตสาหะ” ขุนพลนำทัพ พลิกวิกฤติ ฝ่าดงสนามรบคอสเมติกจากไทย สู่อาเซียน และความ ท้าทายใหม่ Tech Company รับกระแส digital Transformation
กว่า 70 ปี บนเส้นทางสายความงาม แบรนด์ “ศรีจันทร์” (Srichand) ถือเป็นแบรนด์เก่าแก่ แต่มุมมองต่อ “ภาพลักษณ์” คือ เชยที่สุดในปี 2558 แบรนด์ “ศรีจันทร์” ก็กลับมาสร้างเสียงฮือฮาอีกครั้ง กับการรีแบรนด์ภาพลักษณ์ใหม่สุดเก๋ จากภาพโลโกรูปเทวดา สู่แพ็กเกจใหม่ในชุดซีรีส์ดอกไม้ ตามแบบฉบับสาวสวยสุดทันสมัยในวัยเพียง 25 ปี พร้อมกับทัพสินค้าใหม่ๆในกลุ่มเมกอัพ ชนิดที่ว่าภาพลักษณ์แบรนด์อินเตอร์แบบสุดๆ โดยมี “รวิศ หาญอุตสาหะ” ทายาทรุ่นที่ 3 นำทัพในฐานะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศรีจันทร์สหโอสถ จำกัด รับภารกิจพลิกฟื้นแบรนด์ให้เกิดใหม่ในตลาดในครั้งนี้ หลังตลอดเส้นทางอันยาวนานของ “ศรีจันทร์” เป็นการดำเนินงานในธุรกิจแบบครอบครัวที่ล้าสมัย และไม่ตอบโจทย์ความต้องการของคนรุ่นใหม่
พลิกธุรกิจครอบครัว
จากแนวคิดดังกล่าวถือเป็นบททดสอบความสำเร็จของ “ธุรกิจครอบครัว” ในยุคที่หลายๆ แบรนด์ต่างล้มหายตายจากไปเพราะขาดความต่อเนื่องและทายาทในการสานต่อกิจการ ซึ่งหากจะว่าไปแล้วสูตรสำเร็จของ “ศรีจันทร์” ถือเป็นขบถทางความคิดชนิดจากหน้ามือเป็นหลังมือของผู้บริหารหนุ่มไฟแรงในวันนั้น ที่กล้า “พลิกโฉม” แบรนด์ให้มีความชัดเจน และร่วมสมัยมากขึ้น
ไม่เพียงแค่แบรนด์ต้องสดใหม่เท่านั้น หากแต่ช่วงที่ผ่านมา “โปรโมชันและกิจกรรมการตลาด” ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ของแบรนด์ ถูกส่งมากระทุ้งตลาดอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี ทั้งการทำโปรโมชันที่ค่อนข้างเยอะ การมอบส่วนลด ในช่องทางต่างๆ เนื่องจากต้องการจัดการสินค้าที่มีอยู่ ควบคู่กับการแตกไลน์สินค้าใหม่ๆ ในกลุ่มอื่นๆ อย่างต่อเนื่อง
แตกแบรนด์ใหม่ เจาะวัยทีน
การเดินหน้าขยายฐานลูกค้า เป็น “โจทย์” ใหญ่ที่ศรีจันทร์ให้ความสนใจ ที่สุดแล้วก็เปิดตัวแบรนด์ใหม่ “ศศิ” (sasi by Srichand) ในปี 2561 โดยมีเป้าหมายเพื่อเจาะกลุ่มวัยรุ่นในตลาดแมส ด้วยจุดขายคือ Price ในราคาเริ่มต้นไม่ถึง 100 บาท
“ตลาดเครื่องสำอางของวัยรุ่นกำลังมีการเติบโตอย่างสูง แต่ขณะเดียวกันกลุ่มนี้ยังมีกำลังซื้อไม่มากนัก จึงเปิดตัวแบรนด์ศศิออกมาทำตลาด โดยวางจำหน่ายในช่องทางโมเดิร์นเทรด ด้วยหวังสร้างความหลากหลายของสินค้าที่ต้องตอบโจทย์ทุกกลุ่มเป้าหมายมากยิ่งขึ้น”
แม้จะไม่ได้กระพือแรงในการผลักดันมากนัก แต่ “ศรีจันทร์” ก็สามารถสร้างยอดขายจาก 20 ล้านบาทต่อปีทะยานสู่ 200 ล้านบาท ได้ในปีเดียว และทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จักทั้งในและต่างประเทศ เรียกได้ว่าทะยานแตะหลักร้อยล้านบาทได้ในปีเดียว และสามารถฝ่าฟันอุปสรรคชิ้นยักษ์ที่ว่าด้วยแบรนด์ต้องไม่เชย ไม่ล้าสมัย ได้เป็นอย่างดี
สู่ “Tech Company”
“รวิศ” บอกว่า การเข้ามาของเทคโนโลยีสมัยใหม่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา คืออีกปัจจัยหลักที่จะเข้ามาดิสรัปต์ธุรกิจให้เปลี่ยนแปลงและมีผลต่อการแข่งขันมากขึ้น ทำให้ศรีจันทร์ ต้องหันมามอง และเลือกที่จะเดินหน้าพัฒนาให้ก้าวไปอีกขั้น จากองค์กรธุรกิจครอบครัวขนาดเล็ก สู่ผู้เล่นรายใหญ่ในตลาดเครื่องสำอางเมืองไทย และ สเต็ปต่อไปคือ การเผชิญหน้ากับการดิสรัปต์ของเทคโนโลยีในการก้าวสู่ความเป็น “Tech Company” ที่มีทั้งการนำระบบไอทีเข้ามาใช้ในการทำงาน การเปิดใช้อี-คอมเมิร์ซเป็นของตัวเอง ที่หน้าเว็บไซต์ต้องพร้อมและสามารถใช้งานได้ง่าย มีโปรโมชันตามฤดูกาลเพื่อกระตุ้นความสนใจลูกค้าตลอดเวลา
“การเข้ามาของเทคโนโลยีสมัยใหม่ จะส่งผลให้ท้ายที่สุดทุกบริษัทจะกลายเป็น Technology Company จากเดิมที่รูปแบบการดำเนินการของกลุ่มบริษัทมีลักษณะเป็น Commercial Company เป็นหลัก ซึ่งแน่นอนว่าถ้าบริษัทไหนไม่เริ่มมีการปรับตัวรับการเข้ามาของ Digital Transform ตั้งแต่วันนี้แน่นอนว่าอนาคตจะแข่งขันได้ลำบากและอาจจะสูญหายไปในที่สุด” รวิศ หาญอุตสาหะ ได้แสดงทรรศนะเกี่ยวกับกลยุทธ์การบริหารแบรนด์ร่วมสมัย ที่สะท้อนถึงความสำคัญของแนวคิดการบริหารงานในยุคเทคโนโลยี
แน่นอนว่าแม้เทคโนโลยีจะสำคัญมากเพียงใด หากแต่เรื่องของ “บุคคล” คือสิ่งที่แม่ทัพใหญ่อย่าง “รวิศ”ยังคงยืนยันเหนียวแน่นในการพัฒนาควบคู่กันไปโดยปีที่ผ่านมาสามารถสร้างรายได้ก้าวสู่ 500 ล้านบาทแต่เป้าหมายสูงสุดคือการปั้นแบรนด์ให้เป็นเครื่องสำอางที่เป็น Top Of Mind ของแบรนด์ไทยในใจลูกค้า ที่ยังเป็นความท้าทายที่ต้องเดินหน้าต่อไป
หน้า 32 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ | ฉบับ 3484 ระหว่างวันที่ 4 - 6 กรกฎาคม 2562