บริษัท ครอสแม็กซ์ รีเทล จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพที่ให้โปรตีนสูงแบรนด์ “Hooray” (ฮูเร่) ถือเป็นเอสเอ็มอีรายหนึ่งที่สามารถมีอัตราการเติบโตทางธุรกิจได้อย่างต่อเนื่องตั้งแต่เริ่มทำตลาดอย่างเป็นทางการเมื่อปี 2558
ไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจเท่าใดนักเมื่อได้ฟังวิสัยทัศน์ของ “ชัชณี พฤกษ์ศลานันท์” ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ ที่บอกกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า บริษัทมีความตั้งใจที่จะนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพให้กับผู้บริโภค โดยจะเห็นได้จากการคัดเลือกวัตถุดิบที่นำมาใช้ในการผลิต ซึ่งจะถูกคัดสรรมาเป็นอย่างดีด้วยการเปรียบเทียบจากหลายแหล่ง เพื่อหาวัตถุดิบที่ดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็นนมวัวจากประเทศนิวซีแลนด์ ที่ถูกเลี้ยงแบบออร์แกนิก (GRASS FED MILK) หรืออัลมอนด์แท้ออร์แกนิคนำเข้าจากประเทศอิตาลี เป็นต้น
สำหรับปัจจัยที่สำคัญก็คือความพยายามตั้งราคาให้คนทั่วไปสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์ได้ หรือเข้าถึงการมีสุขภาพที่ดีได้ ให้ผู้บริโภคได้มีตัวเลือกที่ดี โดยเป็นผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์เรื่องของสุขภาพอย่างแท้จริง ถึงแม้กำไรต่อหน่วยที่บริษัทได้รับอาจจะไม่มาก แต่เชื่อว่าจะเป็นแนวทางที่ยั่งยืน
นวัตกรรมโปรตีนรูปแบบนํ้า
อย่างไรก็ดี จุดเด่นของผลิตภัณฑ์แบรนด์ Hooray ที่สัมผัสได้อีกด้านหนึ่งก็คือ การลงทุนทางด้านวิจัยและพัฒนา (R&D) ทำให้ผลิตภัณฑ์หลายอย่างที่ออกมาถูกเรียกว่าเป็นเจ้าแรกของประเทศ อาทิ นมโปรตีนสูง และโยเกิร์ตอัลมอนด์ เป็นต้น โดยล่าสุดได้นำเสนอนวัตกรรมโปรตีนในรูปแบบของนํ้าผลไม้ (PROTEIN WATER) ซึ่งจะเป็นการทำโปรตีนให้มีลักษณะใส ไม่มีรสชาติเพื่อนำไปผสมกับนํ้าผลไม้ โดยให้โปรตีนสูงถึง 21 กรัม ซึ่งเป็นโปรตีนที่มีคุณภาพที่สุด โดยร่างกายสามารถนำไปใช้ได้ทันที จากที่ตามปกติโปรตีนจะต้องอยู่ในรูปแบบของนม
นอกจากนี้ ยังไม่มีการผสมนํ้าตาล ไม่มีไขมัน มีแอลคานิทีน (L-carnitine) ซึ่งมีคุณสมบัติ ในการเผาผลาญไขมันในร่างกาย และกรดอะมิโน (BCAA) ที่ช่วยสร้างกล้ามเนื้อ โดยสามารถรับประทานแทนนํ้าขณะออกกำลังกาย หรือในชีวิตประจำวันได้ ซึ่งจะช่วยให้สดชื่นและดับกระหาย โดยใช้กระบวนการผลิตแบบปลอดเชื้อ ซึ่งทำให้มีอายุของผลิตภัณฑ์นานขึ้น โดยเป็นการตอบโจทย์ในเรื่องของการพกพา เพิ่มทางเลือกของหารในระหว่างออกกำลังกายที่รับประทานได้เหมือนนํ้า โดยไม่ต้องคำนึงถึงแคลอรี่ ซึ่งปัจจุบันมี 2 รสชาติได้แก่ รสผลไม้รวม และรสองุ่น
ออกต่างประเทศเต็มรูปแบบ
ขณะที่แผนทางด้านการตลาดก็ถูกจัดวางไว้อย่างเป็นระบบ โดยปีนี้จะเป็นปีแรกที่บริษัทจะขยายตลาดออกสู่ต่างประเทศอย่างเต็มรูปแบบ หลังจากที่ในปีที่ผ่านมามีการลงทุนจำนวนมาก เพื่อยกระดับการผลิตให้มีศักยภาพเพื่อการส่งออก โดยเลือกงานแสดงสินค้าอาหารและเครื่องดื่มนานาชาติ (THAIFEX-World of Food Asia 2019) เป็นช่องทางในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ ซึ่งได้รับความสนใจเป็นอย่างมากจากลูกค้าในกลุ่มประเทศแถบเอเชีย เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กลุ่มประเทศในตะวันออกกลางหรือตะวันตก โดยหลังจากนี้บริษัทก็จะต้องมาพิจารณาว่าจะส่งออกไปที่ใด เพื่อนำไปสู่ขั้นตอนการเจรจาการค้าต่อไป
อย่างไรก็ตาม บริษัทได้เริ่มส่งออกผลิตภัณฑ์์ไปแล้วที่ประเทศดูไบ อะบูดาบี โอมาน ส่วนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เริ่มมีผลิตภัณฑ์ไปจำหน่ายแล้วที่เวียดนาม มาเลเซีย ขณะที่สิงคโปร์ ฮ่องกง เกาหลี และญี่ปุ่นกำลังอยู่ในขั้นตอนของการเจรจาทางธุรกิจ โดยรูปแบบของการทำตลาดจะดำเนินการผ่านทางตัวแทนจำหน่ายเป็นหลัก ซึ่งบริษัทต้องการมีตัวแทนจำหน่ายมืออาชีพที่เป็นแบบระยะยาว เพื่อช่วยเรื่องการทำตลาด รวมถึงการสร้างแบรนด์ และกระจายผลิตภัณฑ์ เพราะจะเป็นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญตลาดของประเทศเหล่านั้นมากกว่า
เป้ารายได้ 100 ล้าน
ส่วนการทำตลาดในประเทศของบริษัท จะดำเนินการขยายตลาดไปสู่ร้านสะดวกซื้อมากขึ้น อาทิ เซเว่นอีเลฟเว่น แฟมิลี่มาร์ท ลอว์สัน โดยล่าสุดเริ่มมีผลิตภัณฑ์เข้าไปวางจำหน่ายแล้ว แต่จะไม่ใช่ทุกผลิตภัณฑ์ ซึ่งจะเป็นไปตามความเหมาะสมของตลาด หรือการมีผลิตภัณฑ์พิเศษที่ทำร่วมกับร้านที่จำหน่ายเท่านั้น อีกทั้งยังมุ่งเน้นการตลาดที่สื่อสารผ่านลูกค้าโดยตรง ผ่านโซเชียลมีเดีย และการจัดกิจกรรมแสดงสินค้าในงานวิ่งมาราธอน หรืองานออกกำลังกายต่างๆที่ผู้บริโภคได้มีโอกาสทดลองชิมผลิตภัณฑ์ จากเดิมที่ผลิตภัณฑ์จะมีวางจำหน่ายที่ท็อปส์มาร์เก็ต วิลล่ามาร์เก็ต ร้านในเครือเดอะมอลล์ กรูเมต์มาร์เก็ต ฟู้ดแลนด์ แม็กซ์แวลู ร้านเพื่อสุขภาพ ฟิตเนส และการจำหน่ายบนช่องทางออนไลน์ โดยผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เป็นนํ้าผลไม้จะทยอยลงจำหน่ายทุกช่องทางดังกล่าวตามลำดับ
ด้านเป้ารายได้ของปีนี้ ชัชณี มั่นใจว่าจะสามารถทำได้ถึง 100 ล้านบาท จากกลยุทธ์การตลาดที่จะดำเนินการดังกล่าวโดยเฉพาะการส่งออก อย่างไรก็ดีมองว่าแนวโน้มมูลค่าทางการตลาดของอาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพที่เป็นนวัตกรรมยังเติบโตได้อีกหลายเท่าตัว ทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งตลาดในประเทศถือว่ายังมีตัวเลือกค่อนข้างน้อย การแข่งขันไม่ดุเดือดเท่าต่างประเทศที่มุ่งเน้นการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีในการผลิตมาขยายตลาดรองรับการเติบโต
ชัชณี ยังบอกอย่างน่าสนใจด้วยว่า การทำตลาดในปัจจุบันมีช่องทาง และโอกาสง่ายขึ้นด้วยต้นทุนที่ตํ่าลงเมื่อเทียบกับในอดีตที่จะต้องใช้งบประมาณในการประชาสัมพันธ์เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะจากสื่อทางด้านออนไลน์ สามารถสื่อสารไปยังผู้บริโภคได้โดยตรง ทั้งการนำเสนอผลิตภัณฑ์และการให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ ส่วนเรื่องของภาวะเศรษฐกิจนั้น แน่นอนว่าในภาพรวมย่อมส่งผลต่อธุรกิจ หากผลิตภัณฑ์มีคุณภาพ ผู้บริโภคเองก็พร้อมที่จะยอมจ่ายได้ในราคาที่คุ้มค่าเมื่อเทียบกับคุณภาพที่จะได้รับ
“คนรุ่นใหม่ที่ต้องการสร้างธุรกิจของตนเอง หากมีไอเดียอยู่แล้วแนะนำว่าให้ลงมือทำทันที ไม่ต้องกลัวว่าจะต้องเจอกับอุปสรรค เพราะเป็นสิ่งที่เราต้องแก้ไข การทำธุรกิจไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ จะต้องผ่านการทดลอง เรียนรู้จนสะสมประสบการณ์มากขึ้น เมื่อไปถึงจุดนั้นก็จะไม่กลัวความล้มเหลว และจะเริ่มใหม่ได้ทุกครั้ง ต้องยอมรับว่าคนรุ่นใหม่มีไอเดียดีๆมากมาย เพราะสามารถเข้าถึงแหล่งข้อมูลได้ง่าย”
เรื่อง : นิธิโรจน์ เกิดบุญภานุวัฒน์
ภาพ : สิทธิศักดิ์ วงศ์ปรากฎ
หน้า 8 ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3489 วันที่ 21-24 กรกฎาคม 2562