แบงก์ชาติ ติงแจกเงินหมื่น เฟส 3 แบ่งงบไปลงทุน ห่วงกระทบภาระการคลัง

25 ธ.ค. 2567 | 08:38 น.

แบงก์ชาติ ติงแจกเงิน 10,000 บาท เฟส 3 แนะแบ่งงบประมาณไปกระตุ้นการลงทุนรัฐเพิ่มเติม ห่วงโครงการใช้เงินสูงสร้างภาระทางการคลังสูง เร่งจ่ายคืนต้นเงินกู้ รองรับการขาดดุลงบประมาณ

โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านผู้สูงอายุ ซึ่งผ่านการเห็นชอบจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2567 ที่ผ่านมา โดยมีสาระสำคัญเป็นการจ่ายเงินให้แก่กลุ่มเป้าหมาย ที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป ผ่านแนวทาง แจกเงิน 10,000 บาทต่อคน จำนวนไม่เกิน 4 ล้านคน โดยให้เร่งจ่ายเงินครั้งแรกภายในเดือนมกราคม 2568 ผ่านบัญชีพร้อมเพย์ที่ผูกกับเลขประจำตัวประชาชนของกลุ่มเป้าหมายนั้น

แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง แจ้งว่า ในวาระการพิจารณาของครม.ครั้งนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ส่งหนังสือด่วนที่สุด เพื่อเสนอความเห็นที่เกี่ยวข้องประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรี โดยมีเนื้อหาที่น่าสนใจว่า ธปท. พิจารณาแล้วเห็นว่าโครงการนี้เป็นโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจขนาดใหญ่ จึงควรดำเนินการให้เกิดประโยชน์มากที่สุดภายใต้งบประมาณที่มีอยู่ โดยมีข้อเสนอแนะเพิ่มเติม ดังนี้

1. ในระยะต่อไป ควรจัดแบ่งงบประมาณเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจนี้ไปสู่การลงทุนภาครัฐเพิ่มเติม เช่น โครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน โครงการพัฒนาบุคลากรในสาขาที่ขาดแคลนและจำเป็น ซึ่งนอกจากจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจแล้ว ยังจะช่วยวางรากฐาน เพิ่มความสามารถในการแข่งขัน และยกระดับศักยภาพเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว

2. ด้วยเหตุที่โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งนี้สร้างภาระทางการคลังสูง จึงควรติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์และความคุ้มค่าของโครงการอย่างใกล้ชิด อีกทั้งควรให้ความสำคัญกับการบริหารเครื่องมือในการระดมทุนให้เหมาะสม และเร่งชำระคืนต้นเงินกู้เพื่อรองรับการขาดดุลงบประมาณ ซึ่งจะช่วยรักษาเสถียรภาพด้านการคลังและลดความเสี่ยงจากต้นทุนการกู้ยืมของภาครัฐและเอกชนที่อาจสูงขึ้นได้

3. ภาครัฐควรนำประสบการณ์จากการดำเนินโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงก่อนหน้ามาใช้ในการเพิ่มประสิทธิภาพการเชื่อมโยงข้อมูลและยกระดับกลไกการเชื่อมข้อมูลระหว่างฐานข้อมูลจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้รวดเร็ว ทันการณ์ และครอบคลุมยิ่งขึ้น 

ทั้งนี้ ในส่วนที่ให้สำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง ตรวจสอบคุณสมบัติกลุ่มเป้าหมายร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งรวมถึงการตรวจสอบข้อมูลเงินฝากนั้น ควรกำหนดแนวทางและรายละเอียดของการตรวจสอบคุณสมบัติของกลุ่มเป้าหมายดังกล่าว รวมทั้งข้อพิจารณาว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถดำเนินการดังกล่าวข้างต้นได้ตามกฎหมาย เพื่อประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรีด้วย