'แกรมมี่' ทำกำไรสุทธิไตรมาสสอง 68 ล้านบาทหลังปรับโครงสร้างธุรกิจ ประกาศจ่ายปันผลในรอบ 8 ปีวันที่ 12 กันยายนนี้
เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2562 ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) ได้มีมติอนุมัติจ่ายปันผลระหว่างกาลจากกำไรสุทธิงวด 6 เดือนแรกของปี 2562 (ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม2562 - 30 มิถุนายน 2562) ตามงบการเงินเฉพาะกิจการให้แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัทในอัตราหุ้นละ 0.10 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้นประมาณ 81.99 ล้านบาท คิดเป็น 62% ของกำไรสุทธิของงบการเงินเฉพาะกิจการโดยบริษัทกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิในการรับเงินปันผลระหว่างกาล ในวันที่ 27สิงหาคม 2562 และกำหนดจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล ในวันที่ 12 กันยายนนี้
นางสาวบุษบา ดาวเรือง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าสำหรับไตรมาสสองที่ผ่านมา บริษัทมีรายได้จากการขายสินค้าบริการ และค่าลิขสิทธิ์จำนวน 1,458 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน 13.7% สืบเนื่องจากในไตรมาสนี้ไม่มีกำหนดฉายภาพยนตร์เรื่องใหม่ และธุรกิจเทรดดิ้งลดลงเล็กน้อย อีกทั้งทางด้านธุรกิจดิจิทัลทีวี 2 ช่องได้รับความสนับสนุนจากมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการดิจิทัลทีวีของภาครัฐ รวมกับความสามารถในการพัฒนาช่องอย่างต่อเนื่องจึงทำให้ภาระผลขาดทุนการร่วมค้าของบริษัทเปลี่ยนมาเป็นผลกำไรในไตรมาสนี้
“สถานะทางการเงินของบริษัทมีความเข้มแข็งภายหลังการปรับโครงสร้างธุรกิจ ซึ่งส่งผลให้ภาระหนี้สินลดลงอย่างมีนัยสำคัญในไตรมาสสอง โดยกำไรขั้นต้นไตรมาสนี้เท่ากับ 606 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตรากำไรขั้นต้น 41% เมื่อเทียจากปีก่อนที่มีกำไรประมาณ 38% ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารรวมไตรมาสสองปีนี้เท่ากับ 550 ล้านบาท เพิ่มขี้น 3.8% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน จำนวน 530 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทมีกำไรสุทธิในไตรมาสนี้เท่ากับ 68 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนถึง 33%”
ทั้งนี้ในช่วงที่ผ่านมาธุรกิจเพลงยังเป็นธุรกิจหลักของบริษัท ประกอบด้วยการจำหน่ายสินค้าเพลง ดิจิทัลมิวสิค, การจัดเก็บค่าลิขสิทธิ์, ธุรกิจโชว์บิซ, ธุรกิจบริหารศิลปิน อื่นๆ โดยไตรมาสสองบริษัทมีรายได้จากธุรกิจเพลง 893 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 61% ของรายได้จากการดำเนินงานทั้งหมด และเพิ่มขึ้น 3.4% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ธุรกิจเทรดดิ้ง ประกอบด้วยธุรกิจจัดจำหน่ายสินค้าโฮมช้อปปิ้งและธุรกิจจัดจำหน่ายกล่องรับสัญญาณทีวี โดยในไตรมาสนี้ธุรกิจโฮมช้อปปิ้งมีรายได้ 422 ล้านบาท ลดลง 23.4% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวและการแข่งขันในตลาดที่เพิ่มสูงขึ้น ส่วนธุรกิจกล่องรับสัญญาณทีวีมีรายได้ 72 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32.8% จากงวดเดียวกันของปีก่อน
สำหรับธุรกิจภาพยนตร์ในไตรมาสสองไม่มีภาพยนตร์ใหม่เข้าฉายแต่มีรายได้จากการขายลิขสิทธิ์จำนวน 33 ล้านบาท ขณะที่ในแง่ของการลงทุนอื่นๆ ประกอบด้วย บริษัท เดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด ดำเนินธุรกิจดิจิทัลทีวี ช่องOne31 มีละครที่ได้รับกระแสตอบรับดีหลายเรื่อง อาทิ หัวใจศิลา ลูกกรุงและ ใบไม้ที่ปลิดปลิว ด้านคอนเสิร์ตที่ได้รับความนิยมที่ผ่านมา ได้แก่ The Real Nadech Concert และ Cassette Festival