โรคอหิวาต์หมูระบาดในจีน คนในประเทศหันมาบริโภคเนื้อไก่ทดแทน ดันราคาพุ่งสูงสุดประวัติการณ์ เผยโรงงานไทย 7 แห่งเด้งรับอานิสงส์ ดันยอดขายโตพรวด 7 เดือน 712% “คึกฤทธิ์” ฟันธงภาพรวมส่งออกไก่ปีนี้สูงเกินกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 9 แสนตัน
โรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร หรือไวรัส ASF เริ่มแพร่ระบาดครั้งแรกในประเทศจีนเมื่อเดือนสิงหาคม 2561ที่ผ่านมาพบการระบาดใน 17 ประเทศได้แก่ ทวีปยุโรป 10 ประเทศ ทวีปแอฟริกา 4 ประเทศ และทวีปเอเชีย 4 ประเทศ โดยในทวีปเอเซียมีรายงานการระบาดครั้งแรกที่สาธารณรัฐประชาชนจีน เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 61 ต่อมาพบที่ประเทศมองโกเลีย สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม และกัมพูชา ตามลำดับ ปัจจุบันยังควบคุมไม่ได้ แล้วมีแนวโน้มที่จะขยายอย่างต่อเนื่อง ไม่ได้เป็นโรคติดต่อจากสัตว์สู่คน แต่เป็นโรคระบาดร้ายแรงในสุกร ยังไม่มีวัคซีนป้องกันและควบคุมโรค
นายคึกฤทธิ์ อารีปกรณ์ ผู้จัดการสมาคมผู้ผลิตไก่เพื่อส่งออกไทย เผยว่า ตามที่ประเทศจีนกำลังเผชิญกับสถานการณ์ขาดแคลนเนื้อสุกร ส่งผลให้ราคาเนื้อสุกรแพงมาก และประชาชนชาวจีนหันมาบริโภคเนื้อไก่ทดแทน ทำให้ระดับราคาเนื้อไก่ในประเทศจีนพุ่งสูงขึ้นถึงเท่าตัว จึงนับเป็นโอกาสมหาศาลของอุตสาหกรรมไก่ไทย โดยเฉพาะในกลุ่มโรงงาน 7 แห่งที่ผ่านการรับรองไปแล้วก่อนหน้านี้
ทั้งนี้ เมื่อปี 2561 สำนักงานการขึ้นทะเบียนหรือรับรองแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนหรือ CNCA ประกาศขึ้นทะเบียนบริษัทผู้ผลิตและแปรรูปเนื้อไก่ของไทยจำนวน 7 แห่งเท่านั้น ที่สามารถส่งเนื้อไก่และผลพลอยได้แช่แข็งไปจีนได้ ประกอบด้วย CPF จำนวน 2 โรงงาน GFPT สหฟาร์ม โกลเด้นท์ไลน์ ไทยฟู้ด และ F&F Food จึงทำให้ทั้ง 7 โรงงานนี้ได้รับอานิสงส์ราคาดังกล่าวทันทีในขณะนี้
“ราคาไก่ระดับนี้ไม่เคยปรากฏที่ไหนในโลก เช่น ตีนไก่จากตันละ 2,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มเป็น 4,200 ดอลลาร์สหรัฐฯ ปีกกลางไก่จากตันละ 3,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มเป็น 5,200 ดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นต้น ถือเป็นโอกาสอันดีมากของผู้ผลิตเนื้อไก่ทั้ง 7 โรงงาน” นายคึกฤทธิ์กล่าว
ล่าสุด ประเทศจีนต้องการบริโภคเนื้อไก่จำนวนมหาศาล ส่งผลให้เจ้าหน้าที่กรมความปลอดภัยด้านอาหารนำเข้าส่งออก สำนักงานการศุลกากรแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน (GACC) ต้องออกตรวจประเมินความปลอดภัยของเนื้อไก่จากหลายประเทศผู้ผลิตไก่ โดยไทยเป็นหนึ่งในประเทศเป้าหมาย ซึ่งคณะจากจีนเพิ่งเข้ามาสุ่มตรวจ 10 โรงงานไก่-เป็ดของไทยจากทั้งหมด 22 โรง คาดว่าจะแจ้งผลประเมินออกมาได้ในเร็ว ๆ นี้ หากจีนประกาศรับรองโรงงานไทยมากขึ้นก็จะสามารถส่งออกเนื้อไก่ไปจีนได้เพิ่มขึ้นตามจำนวนโรงงานที่ได้รับการรับรอง
นอกจากนี้ ยังมีอีกปัจจัยบวกที่สำคัญ คือประเทศจีนไม่มีการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าไก่จากไทย และชิลี เพียง 2 ประเทศ ขณะที่ไทยได้เปรียบในแง่ระยะทางที่อยู่ใกล้จีนมากกว่า ทำให้อุตสาหกรรมไก่ของไทยมีความสดใสมากนับตั้งแต่นี้ไปจนกว่าจีนจะสามารถคลี่คลายปัญหาขาดแคลนเนื้อหมูของตนได้
สำหรับภาพรวมการส่งออกเนื้อไก่ของไทยในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2562 มีปริมาณ 5.4 แสนตัน เพิ่มขึ้น 9.8 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ประเทศจีนนำเข้าเนื้อไก่และผลิตภัณฑ์ไก่จากไทยใน 7 เดือนแรกของปีนี้รวม 33,500 ตัน เพิ่มขึ้นถึง 712 % ส่งผลให้จีนกลายเป็นตลาดส่งออกเนื้อไก่และผลิตภัณฑ์ไก่จากไทยเป็นปริมาณสูงเป็นอันดับ 3 รองจากยุโรปและญี่ปุ่น ทั้งนี้ คาดว่าปริมาณการส่งออกเนื้อไก่ของไทยตลอดทั้งปี 2562 น่าจะเกินกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 9 แสนตัน รวมถึงมูลค่าการส่งออกที่น่าจะสูงเกินกว่าเป้าเช่นกัน
“เรามีความได้เปรียบกับประเทศคู่แข่งหลายด้านทั้ง ในแง่มาตรฐานการผลิตที่อยู่ในระดับสากล มีความปลอดภัย สามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ตลอดกระบวนการผลิต ที่สำคัญด้วยระยะทางที่ใกล้กัน จึงส่งผลดีต่อการส่งออก ซึ่งจะทำให้ยอดการส่งออกเนื้อไก่ไปจีนจะเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดและต่อเนื่อง ทั้งยังส่งผลให้ระดับราคาเนื้อไก่ในประเทศขยับดีขึ้นด้วย”