นายเสริมคุณ คุณาวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีเอ็มโอ จำกัด (มหาชน) หรือ CMO เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ปี 2020 ถือเป็นปีแห่งความท้าทายของซีเอ็มโอ โดยธุรกิจหลักที่โดดเด่นและน่าสนใจสำหรับธุรกิจอีเวนต์ ได้แก่ 1. Retail กลุ่มธุรกิจค้าปลีกที่พบว่ามีการเติบโตต่อเนื่อง เพราะผู้บริโภคต้องการประสบการณ์ในการช็อปปิ้ง การจัดอีเวนต์จะช่วยสร้างสีสันและประสบการณ์ใหม่ๆ ให้เกิดขึ้น 2. Digital Platform กลุ่มดิจิทัลแพลตฟอร์ม เช่น Lazada, Grap ฯลฯ จะเน้นสร้างอีเวนต์บนออนไลน์เพื่อสร้างแรงดึงดูดให้เกิดขึ้น 3. Banking & Non Bank ธุรกิจบริการทางการเงิน ที่จำเป็นต้องสร้างอีเวนต์ต่อเนื่อง เพื่อสร้างการรับรู้และรักษาฐานลูกค้า และ 4. Skincare & Lifestyle ธุรกิจความงาม สกินแคร์และไลฟ์สไตล์ ที่เน้นการจัดอีเวนต์เพื่อกระตุ้นแบรนด์ สร้างภาพลักษณ์ และกระตุ้นการขาย
ขณะที่ภาพรวมของธุรกิจอีเวนต์ในช่วงปลายปียังคงเป็นช่วงคึกคักของตลาดอีเวนต์ และแข่งขันที่ดุเดือด เนื่องจากมีงานมหกรรมต่างๆ เกิดขึ้นจำนวนมาก ขณะที่งานที่ซีเอ็มโอ จะจัดขึ้นในช่วงปลายปีนี้ และต้นปีหน้า ได้แก่ งานมหกรรมเคาต์ดาวน์ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ MEGA Countdown 2020, เคาท์ดาวน์ เซ็นทรัล เวิลด์ โดยเป็นการร่วมงานระหว่าง 4nologue และ PM Centerซึ่งเป็นบริษัทในเครือ CMO ให้เช่าอุปกรณ์จัดงาน, ยูดี ทาวน์ อุดรธานี (PM Center), งานประดับไฟที่ ไอคอนสยาม (CONSIAM X-Mas Illumination) (CMO + PM Center), งานประดับไฟ หน้า Central World (PM Center) โดยงานในส่วนนี้ได้ใช้งบลงทุนค่าอุปกรณ์ในช่วงต้นปีไปแล้วรวมประมาณ 60 ล้านบาท ขณะที่งาน MEGA Countdown 2020 ที่ใกล้จะถึงนี้คาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมงานกว่า 4-5 หมื่นคน
นอกจากนี้ยังมีงาน “True 5G World” ในงาน 0110 Thailand TECHLAND 2019, Lazada Booth @ Digital Big Bang 2019, Bandai Namco Entertainment ค่ายเกมยักษ์ใหญ่จากประเทศญี่ปุ่น ที่ไปร่วมออกงาน Thailand Game Show 2019, Ubisoft จัดงานทดลองเล่น Ghost Recon Breakpoint หรือ GRB ซึ่งเป็นเกมยิงแนวทหารที่มีฉากหลังเป็นโลกอันหลากหลาย อันตราย และเร้นลับ, งาน Grab Urban Night Fest , การออกบูธ ธนาคารกรุงเทพ ในงาน Money Expo และกิจกรรม road show Ford Shopping Mall เป็นต้น
“ภาพรวมตลาดอีเวนต์มองว่ายังคงแข่งขันดุเดือด เนื่องจากจะมีแคมเปญขนาดใหญ่เกิดขึ้นจำนวนมาก ขณะที่ภาพรวมของตลาดอีเวนต์ปลายปีกลุ่มธุรกิจค้าปลีกยังเป็นแรงขับเคลื่อนให้ตลาดอีเวนต์เติบโต รวมถึงตลาดรถยนต์ที่แข่งขันกันอย่างดุเดือด นอกจากนี้ในปีหน้าบริษัทจะให้ความสำคัญกับการจัดอีเวนต์ใน 4 กลุ่มธุรกิจมากขึ้น ได้แก่ Retail, Digital Platform, Banking & Non Bank และ Skincare & Lifestyle ขณะที่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ยังคงต้องจับตามองต่อเนื่อง เนื่องจาก ตลาดนี้มีอัตราการเติบโตน้อยลง”
สำหรับในช่วงไตรมาส 4 มักจะเป็นช่วงที่คึกคักของธุรกิจงานอีเวนต์อยู่แล้ว ส่งผลให้ที่ผ่านมาซีเอ็มโอมีแนวโน้มการเติบโตที่ดี โดยปัจจุบันผลการดำเนินงานในครึ่งปีแรก มีรายได้รวม 578 ล้านบาท และยังมีงานในมือที่รอรับรู้เป็นรายได้ในครึ่งปีหลังอีกกว่า 700 ล้านบาท เป็นรายได้ที่มาจากการจัดอีเวนต์ ทั้งในและต่างประเทศ ตลอดจนงานซัพพลายอุปกรณ์ภาพ แสง และเสียงในงานคอนเสิร์ต ทั้งศิลปินในและต่างประเทศ โดยคาดว่าในปีนี้ซีเอ็มโอจะมีรายได้ลดลงจากปีก่อนเล็กน้อยซึ่งมีรายได้รวม 1,449 ล้านบาท ขณะที่มีกำไรใกล้เคียงกัน
นอกจากโปรเจ็กต์ใหญ่ส่งท้ายปีดังกล่าวแล้ว บริษัทยังมีงานพัฒนาธุรกิจสร้างหน่วยธุรกิจไมซ์(MICE) เพื่อรองรับงานการจัดประชุมระดับนานาชาติ ที่บริษัทเริ่มเข้าไปมีบทบาทเพิ่มมากขึ้น พร้อมทั้งยังสอดรับกับการที่อุตสาหกรรมไมซ์ประเทศไทยติดอันดับ 4 ของเอเชียด้านการประชุมนานาชาติ อย่างเช่นในช่วงที่ผ่านมา ได้จัดงานประชุมทางการแพทย์หัวใจนานาชาติด้านโรคไฟฟ้าหัวใจ (The 12th Asia Pacific Heart Rhythm Society Scientific Session (APHRS 2019) ซึ่งปีนี้ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ โดยจัดไปแล้วเมื่อวันที่ 24 - 27 ตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งงานนี้มีแพทย์โรคหัวใจจากทั่วโลกเดินทางมาประชุมกว่า 3,500 คน ทั้งสหรัฐอเมริกา ยุโรป และประเทศในเอเชีย เพื่อประชุมระดมสมองแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในการรักษาโรคไฟฟ้าหัวใจโดยเฉพาะ
หน้า 30 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 39 ฉบับที่ 3,531 วันที่ 15-18 ธันวาคม 2562