นายเสริมคุณ คุณาวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีเอ็มโอ จำกัด (มหาชน) หรือ CMO ผู้ดำเนินธุรกิจสื่อสารการตลาดแบบครบวงจรแห่งอาเซียน ครอบคลุมธุรกิจด้านอีเวนต์,ด้านเอ็นเตอร์เทนเมนต์ และธุรกิจไลฟ์สไตล์ เปิดเผยถึงผลกระทบของธุรกิจอีเวนต์จากการระบาดของไวรัสโควิด 19 ถือเป็นวิกฤติร้ายแรงที่สุดในรอบ 30 ปี ตั้งแต่เกิดวงการอีเวนต์ขึ้นมา โดยผลกระทบเริ่มมาชัดเจนมากที่สุดในเดือนมีนาคม ซึ่งงานทั้งหมดถูกเลื่อนและยกเลิกเกือบ 100% ซึ่งปกติในช่วงไตรมาสแรกของปี จะเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจอีเว้นท์ จากการประเมินสถานการณ์ในตอนนี้ ภาพรวมธุรกิจอีเวนต์ในช่วงโดยไตรมาส 1 และ 2 ได้รับผลกระทบหนักมูลค่าความเสียหายอยู่ที่ 50-60% จากภาพรวมตลาดอีเวนต์ปัจจุบันที่มีมูลค่าประมาณ 13,000 - 14,000 ล้านบาท และคาดว่าทำให้บริษัทออแกไนซ์เซอร์ต้องปิดตัวลงไปเป็นจำนวนมาก
นอกจากจะส่งผลกระทบต่อบริษัทออแกไนซ์เซอร์แล้ว ธุรกิจอื่นๆ ที่เชื่อมโยงกับการจัดงานอีเวนต์อีกหลายธุรกิจก็ได้รับผลกระทบไปด้วย โดยเฉพาะในบางบริษัทที่มีขนาดไม่ใหญ่ สภาพคล่องในกิจการไม่มากพอ อาจจะต้องถึงกับปิดตัวภายใน 2 เดือน ทั้งนี้ เมื่อธุรกิจดำเนินต่อไม่ได้ ก็ส่งผลกระทบต่อรายได้กิจการ และสุดท้ายส่งผลต่อพนักงานคนทำงานในอุตสาหกรรมอีเว้นท์ทั้งระบบจำนวนหลายหมื่นคน ที่บางคนต้องตกงาน หรือถูกลดเงินเดือน หากสถานการณ์ยังไม่ดีขึ้น เชื่อว่าจะมีคนตกงานอีกเป็นจำนวนมากถึง 50-60%
“ในส่วนของ CMO ต้องยอมรับว่าสถานการณ์ในครั้งนี้ถือว่ารุนแรงที่สุดของการดำเนินธุรกิจ รวมไปถึงของวงการธุรกิจอีเวนต์ด้วย โดยส่งผลกระทบต่อรายได้บริษัทในไตรมาส 1 -2 คาดว่ารายได้จะลดลงประมาณ 80% เนื่องจากอีเว้นท์หลายงานในช่วงนี้ต้องยกเลิก ซึ่งปกติเป็นช่วงที่ธุรกิจ อีเวนต์คึกคัก มีทั้งการจัดงานมอเตอร์โชว์, งานแสดงสินค้าต่างๆ, เปิดตัวสินค้า รวมทั้งในเดือนเมษายน ที่ส่วนใหญ่จะมีจัดงานปาร์ตี้คอนเสิร์ต EDM ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งปีนี้ก็ต้องยกเลิกไป สำหรับผลกระทบในครั้งนี้ บริษัทได้แก้วิกฤติครั้งใหญ่ในเรื่องของการบริหารงานบริหารคนเช่นกัน โดยเราจำเป็นต้องปรับลดวันทำงานของพนักงานจาก 5 วัน เหลือ 4 วันต่อสัปดาห์ และขอปรับลดเงินเดือนพนักงานตามสัดส่วน ซึ่งได้มีการชี้แจงทำความเข้าใจกับพนักงาน โดยทุกคนเข้าใจและยินยอมที่จะสู้ไปด้วยกัน แต่อย่างไรก็ตาม หากสถานการณ์ดีขึ้น กลับมาจัดงานอีเว้นท์ได้ตามปกติ และบริษัทยังมีงานที่มีความต่อเนื่องในช่วงไตรมาส 3-4 รวมมูลค่ากว่า 500 ล้านบาท แต่ทั้งนี้ ก็ต้องขึ้นกับภาพรวมของเศรษฐกิจด้วย ซึ่งคงต้องใช้เวลาในการฟื้นฟู ทำให้บริษัทจะปรับเป้ารายได้ปีนี้ลดลง 50% หรือลดลงประมาณ 700 ล้านบาท”
นายเสริมคุณ กล่าวอีกว่า ธุรกิจอีเวนต์เป็นธุรกิจที่มีความหวือหวา และมีปัจจัยเสี่ยงกระทบธุรกิจได้ง่าย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสภาพเศรษฐกิจ,การเมือง หรือแม้แต่ภัยธรรมชาติ ทำให้บริษัทมีการปรับแผนธุรกิจ พัฒนาอีเว้นท์ขึ้นในรูปแบบการจัดงานแบบอีเวนต์ออนไลน์ ซึ่งกลุ่มบริษัทมี หน่วยธุรกิจ CM Digital ที่มีความเชี่ยวชาญในเรื่องให้บริการ Digital Solutions และ Data Management นำเทคโนโลยีดิจิทัล มาช่วยสร้างมิติใหม่ในการจัดงาน อีเวนต์ทุกประเภทอยู่แล้ว ซึ่งจะช่วยทำให้การจัดงานผ่านเทคโนโลยีออนไลน์และไลฟ์สตรีมมิงได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
“อย่างไรก็ตาม อยากฝากไปถึงภาครัฐบาลให้ความสนใจ และมีมาตรการช่วยเหลือเยียวยากลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจการจัดงาน รวมทั้งคนในอาชีพวงการอีเว้นท์ด้วย ซึ่งถ้าหากสถานการณ์แพร่ระบาดโรคโควิด-19 คลี่คลาย ขอให้รัฐบาลมีแผนกระตุ้นเศรษฐกิจที่ชัดเจน เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนโดยเร็ว จะได้สร้างให้เกิดเม็ดเงินในการจับจ่ายใช้สอย ซึ่งก็จะส่งผลดีต่อการเติบโตของเศรษกิจในประเทศ”