‘ร้านอาหาร’พร้อมเปิด จัดเต็มมาตรการเข้มรับรัฐผ่อนคลายล็อกดาวน์

26 เม.ย. 2563 | 03:40 น.
อัปเดตล่าสุด :26 เม.ย. 2563 | 10:52 น.

“ร้านอาหาร” ยืนยันพร้อมเปิดบริการทันทีที่รัฐประกาศผ่อนคลายล็อกดาวน์ พรก.ฉุกเฉิน เผยมาตรการเข้มข้นทั้งด้านความสะอาด การจัดโซนนิ่งพนักงานและลูกค้า

นางนงชนก สถานานนท์ ผู้ช่วยรองประธานบริหาร กลุ่มการตลาด บริษัท เอส แอล อาร์ ที จำกัด ผู้ให้บริการร้านอาหารภายใต้แบรนด์ “ซิซซ์เล่อร์” เปิดเผยกับ“ฐานเศรษฐกิจ” ว่า บริษัทเตรียมความพร้อมที่จะกลับมาเปิดให้บริการร้านแบบเต็มรูปแบบ หากรัฐบาลมีมาตรการผ่อนคลายล็อกดาวน์ ตามพรก.ฉุกเฉิน โดยพร้อมปฏิบัติตามนโยบายของทางห้าง ซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่ และมาตรการที่ภาครัฐกำหนดออกมา

 

ในส่วนของบริษัทเองได้เตรียมความพร้อมเบื้องต้นในการเปิดให้บริการ ไม่ว่าจะเป็นการจัดโต๊ะนั่งรับประทานไม่ตํ่ากว่า 1 เมตร, การแยกพื้นที่ด้วยการใช้สติกเกอร์ ป้าย สำหรับลูกค้าที่จะเข้ามานั่งรับประทานในร้าน และสำหรับฟู้ดอะกรีเกเตอร์ต่างๆ ที่มารับอาหารสำหรับดีลิเวอรีออกจากกันให้ชัดเจน

 

นอกจากนี้ยังมีการจัดพื้นที่นั่งรอแยกออกไปหากลูกค้ามาใช้บริการมากเกินจำนวนที่วางไว้ ควบคู่กับการรณรงค์เรื่องการงดใช้เงินสด แต่ให้ลูกค้าจ่ายเงินผ่านบัตรเครดิต คิวอาร์โค้ดแทน เพื่อลดการสัมผัสกับสิ่งแปลกปลอมในการลดการระบาดของไวรัสที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในภายหลัง ด้านบุคลากรก็มีการรักษามาตรฐานความสะอาดทั้งสวมหน้ากากอนามัย เฟซชีลด์, ใส่ถุงมือ, เจลล้างมือ

ขณะเดียวกันยังมีการเตรียมความพร้อมในด้านเมนูอาหาร ที่จากเดิมมีกำหนดเปิดตัว 6 เดือนครั้งลดลงมาเปิดตัวเพิ่มมากขึ้นในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา พร้อมกับพัฒนาเมนู เพิ่มรายการเมนูทั้งอาหารและเครื่องดื่มเพื่อรองรับความต้องการมากขึ้น

 

โดยในอนาคตมีแผนการเพิ่มพื้นที่การขายดีลิเวอรี (TRADE ZONE) มากขึ้น จากปัจจุบันที่ทำได้ระยะทางเพียง 5 กม.จากหน้าร้าน ก็จะขยายพื้นที่การบริการดีลิเวอรีให้ไกลมากขึ้น เพื่อรับพฤติกรรมลูกค้าที่คาดการณ์ว่าจะยังอยู่ในบ้านไม่ออกไปรับประทานอาหารข้างนอกมากนัก กอปรกับการสั่งดีลิเวอรีถือเป็นอีกหนึ่งชีวิตประจำวันของผู้บริโภคไปแล้วทำให้บริษัทโฟกัสในส่วนของดีลิเวอรีมากขึ้น

 

อย่างไรก็ตามบริษัทมองวิกฤติต่างๆ ที่เกิดขึ้นในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา จะสามารถกลับมาได้ในช่วงพฤษภาคม เป็นต้นไป ถึงแม้พฤติกรรมผู้บริโภคจะยังไม่กลับมานั่งทานที่ร้านมากเช่นเดิมก็ตาม แต่จากการปรับแผนงานข้างต้นมั่นใจว่าจะรักษายอดขายได้ตามเป้าหมายที่วางไว้

ด้านนางสาวนัฐธารี พันธุ์เพ็ญโสภณ ประธานเจ้าหน้าที่ บริหารฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท โคคา โฮลดิ้ง อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เจ้าของแบรนด์โคคา สุกี้, Mango Tree, Mango Tree Bristobar และร้านข้าวหม้อใหม่ ฯลฯ กล่าวว่า บริษัทได้ปรับรูปแบบการให้บริการเพื่อรองรับการผ่อยคลายล็อกดาวน์ โดยรุกไปยังช่องทางออนไลน์มากขึ้น แม้จะได้รับผลกระทบจากการปิดสาขาในห้างสรรพสินค้า เนื่องจากยอดขายกว่า 95% ยังมาจากรูปแบบนั่งทานภายในร้าน แต่ทว่ายังพอมียอดขายจากออนไลน์ที่สามารถไปได้

 

โดยบริษัทได้เตรียมความพร้อมในด้านการบริการ มาตรฐานความปลอดภัยต่างๆ เพิ่มมากขึ้น เพื่อรองรับการเปิดให้บริการที่อาจจะมีขึ้นเร็วนี้

 

ทั้งนี้มาตรการที่เตรียมไว้ประกอบด้วย การจัดพื้นที่โต๊ะนั่งทานแบบเว้นโต๊ะ หรือห่างกันไม่ตํ่ากว่า 1 เมตร การทำความสะอาด พื้นที่ทุกๆ 30 นาที หรือทุกครั้งหลังการสัมผัส, การสนับสนุนแคชเลส พร้อมกันนี้ยังมีการจำกัดจำนวนลูกค้าที่เข้ามารับประทานอาหารภายในร้านตามพื้นที่ของร้านในแต่ละสาขาลง 50%

 

เช่น หากสาขานั้นมีจำนวนที่นั่งอยู่ 50 ที่นั่ง ก็จะลดลงเหลือ 25 ที่นั่ง และการไม่ใช้เงินสด การแปะสติกเกอร์ตรวจวัดอุณหภูมิร่างกาย พร้อมทั้งใช้เครื่องล้างจานระดับนํ้าร้อนอุณหภูมิ 85 องศาเซียลเซสเข้ามาใช้ในการดำเนินงาน และมาตรการรักษาความสะอาดตามนโยบายของห้างและรัฐบาลอย่างเต็มกำลัง

 

พร้อมกันนี้ยังได้เตรียมขยายสาขาขนาดเล็กของโคคาสุกี้ในรูปแบบคีออส ในย่านลาดพร้าวฝั่งธนฯ โดยวางเป้าหมายไว้ 5 สาขา และ คาดการณ์ว่าจะเริ่มดำเนินการได้ในไตรมาส 3 เป็นต้นไป หรือหลังจากเหตุการณ์สงบ ทั้งนี้เพื่อเป็นการรองรับพฤติกรรมผู้บริโภคที่จะเปลี่ยนไป สั่งอาหารเดลิเวอรี มากขึ้นภายหลังเหตุการณ์เข้าสู่ภาวะปกติ 

 

หน้า 2 ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,569 วันที่ 26 - 29 เมษายน พ.ศ. 2563