นายบุณยสิทธิ์ โชควัฒนา ประธานเครือสหพัฒน์ เผยว่า หลังจากวิกฤติการระบาดของโควิด -19 ผ่านพ้นไป มองว่าภาครัฐควรมีนโยบายในการฟื้นฟูเศรษฐกิจและความเชื่อมั่นของประเทศ โดยประเมินว่าควรมีการแก้ไขเป็น 2 ส่วนหลักได้แก่
1.ปรับค่าเงินบาทให้อ่อนตัวลง อย่าให้มีการแข็งตัวขึ้นมามากจนเกินไป เพื่อเอื้อต่อการส่งออกแลtการลงทุน ซึ่งเศรษฐกิจของประเทศจะฟื้นช้าหรือเร็วก็ขึ้นอยู่กับอัตราแลกเปลี่ยน โดยอัตราแลกเปลี่ยนในปัจจุบันราว 32 บาทต่อดอลล่าสหรัฐ อาจจจะใช้เวลาในการฟื้นเศรษฐกิจราว 2-3 ปี
แต่หากปรับค่าเงินบาทให้อ่อนค่าลงที่ระดับ 34 บาทต่อดอลล่าสหรัฐ คาดว่าใช้ระยะเวลา 2 ปีในการฟื้นเศรษฐกิจ และหากปรับค่าเงินบาทให้อ่อนค่าลงที่ระดับ 35-36 บาทต่อดอลล่าสหรัฐ ก็คาดว่าใช้ระยะเวลา 1 ปีในการฟื้นเศรษฐกิจ
2.เรื่องของทองคำ เนื่องจากพอพ้นวิกฤติโควิดไปทองคือหลักประกันความมั่นคงที่ดีกว่าเงินสกุลดอลล่าสหรัฐ
อย่างไรก็ตามที่ผ่านมารัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา เดินมาถูกทางในการแก้ไขปัญหาของประเทศ ตั้งแต่ชูนโยบาย “ไทยแลนด์ 4.0” เนื่องจากมีการทำระบบไอทีรองรับตั้งแต่ช่วงแรกๆ ของการเข้ามาบริหารภายใต้แนวคิด "รัฐบาล 4.0" การที่สามารถกระจายเม็ดเงิน 5,000 บาทไปยังประชาชนทั่วประเทศ 14 ล้านรายภายในระยะเวลา 2 เดือน กับโครงการ "เราไม่ทิ้งกัน" ได้เป็นผลสำเร็จก็ถือเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจากการวางระบบไอทีที่ดี
หากใช้ระบบทั่วไปอาจจะต้องใช้เวลาถึง 2 ปีกว่าจะกระจายได้ทั่วถึง โดยมองว่านับจากนี้ควรมีมาตรการเพิ่มเติมในเรื่องไอที ,เทคโนโลยีเพิ่มเติมในการพัฒนาประเทศเพื่อให้มีขีดความสามารถให้ไทยมีศักยภาพในการขึ้นเป็น "ศูนย์กลางภูมิภาคอาเซียน" แทนที่สิงคโปร์ เนื่องจากมองว่าปัจจุบันไทยมีระบบและเทคโนโลยีที่สามารถแข่งขันได้แต่ต้องมีการพัฒนาเพิ่มเติม
“การสร้างความเชื่อมั่นคือกระจายเม็ดเงินไปยังฐานรากของประเทศให้มากที่สุด เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศต่อไป ซึ่งรัฐบาลเดินมาถูกทาง”