นายอานนท์ จิตรมีศิลป์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท น้อมจิตต์ แมนนูแฟกเจอร์ริ่ง จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายชุดนักเรียน“น้อมจิตต์” เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ถือเป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบหนักต่อตลาดสินค้านักเรียน และเป็นเหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน แม้สถานการณ์เริ่มคลี่คลายแต่ยังมีมาตรการที่ต้องเฝ้าระวังอย่างเข้มงวด ส่งผลกระทบต่อการจัดจำหน่ายของสินค้านักเรียน โดยเฉพาะในโรงเรียนที่ต้องจำกัดระยะห่างทางสังคม ขณะเดียวกันช่วงเวลาการขายจากเดิมที่มีระยะเวลา 1.5-2 เดือน ก็เหลือเพียง 2 สัปดาห์ ดังนั้นคาดว่ายอดขายในปีนี้จะลดลง 10-30%
“เดือนพฤษภาคม ซึ่งเป็นช่วงพีคสุดของตลาดสินค้านักเรียนสามารถสร้างยอดขายคิดเป็นสัดส่วน 80% ของทั้งปี เมื่อต้องหยุดขายทั้งเดือนเท่ากับว่ายอดขายหายไปทั้งหมดเหลือเพียง 10% จากยอดขายปกติ แม้บริษัทจะหันไปทำตลาดผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น และผู้ปกครองเริ่มคุ้นเคยทำให้มีใช้บริการมากขึ้น ส่งผลให้ยอดขายในช่องทางออนไลน์เพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัว แต่ก็ยังมีสัดส่วนที่น้อยเมื่อเทียบกับยอดขายหน้าร้าน”
อย่างไรก็ดี สินค้าชุดนักเรียนที่วางจำหน่ายในปีนี้จะไม่มีการปรับขึ้นราคาแต่อย่างใด เพื่อรองรับกำลังซื้อของผู้ปกครองที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติโควิด-19 โดยเฉพาะในกลุ่มลูกค้าผู้ปกครองระดับปานกลางลงล่างที่ได้รับผลกระทบมากกว่ากลุ่มระดับปานกลางขึ้นไป ทำให้การเลือกซื้อชุดนักเรียนลดลง จะซื้อเฉพาะที่จำเป็นจริงๆ เท่านั้น สำหรับช่องทางการจำหน่ายของชุดนักเรียนน้อมจิตต์ แบ่งออกเป็น สถานศึกษาต่างๆ 200 แห่ง , โมเดิร์นเทรด เช่น บิ๊กซี เทสโก้ โลตัส 300-400 สาขา , ตัวแทนจำหน่าย 100 ร้าน และร้านน้อมจิตต์อีก 3 สาขา
นายจักรพล จันทวิมล ผู้จัดการทั่วไป บริษัท นันยางมาร์เก็ตติ้ง จำกัด กล่าวว่า ปีนี้ถือเป็นปีที่มีความท้าทายของบริษัทเป็นอย่างมากที่ต้องมีการเตรียมแผนงาน ปรับทัพ เพื่อรับมือกับปัจจัยลบต่างๆที่เข้ามากระทบภาพรวมตลาด โดยเฉพาะปัญหากรระบาดของโควิด-19 พร้อมกันนี้เพื่อเป็นการรองรับช่วงเปิดเทอมที่จะมีขึ้นในเดือนกรกฎาคมนี้ โดยบริษัทได้เปิดตัว Nanyang Have Fun รองเท้านักเรียนประถม ที่ไม่ต้องผูกเชือก ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อนักเรียนชั้นประถมโดยเฉพาะ ราคา 285 บาท แถมเชือกยืดหยุ่นมูลค่า 69 บาทจนกว่าโควิด-19 จะหมดจากประเทศไทย โดบเน้นเจาะกลุ่มเด็กอายุระหว่าง 4 – 10 ปี ในช่วงเปิดเทอมนี้
ทั้งนี้มองว่าโดยรวมตลาดจะเริ่มฟื้นตัวกลับมาสู่ภาวะปกติ เพียงแต่รอเวลาที่เหมาะสม ส่วนตลาดรองเท้าผ้าใบนักเรียนนั้นจะเป็นการชะลอการตัดสินใจซื้อเท่านั้น พอถึงฤดูกาลเปิดเทอมกำลังซื้อก็จะกลับมา ซึ่งเชื่อว่าการเปิดตัวแคมเปญและรองเท้าผ้าใบรุ่นใหม่ของบริษัทจะช่วยกระตุ้นกำลังซื้อได้เป็นอย่างดี พร้อมกันนี้ยังได้ปรับช่องทางการขายไปยังออนไลน์มากขึ้นในช่วงที่มีการระบาดของโควิด -19 เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์
อย่างไรก็ตามบริษัทยังคงมียอดขายหลักมาจากช่องทางเทรดดิชันนอลเทรด 75% โมเดิร์นเทรด 20% และช่องทางออนไลน์ 5% ซึ่งถือว่ายังน้อยอยู่เมื่อเทียบกับช่องทางอื่นๆ
จากข้อมูลศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่าในช่วงเปิดเทอมใหญ่ปี 2563 จะมีการใช้จ่ายเงินประมาณ 28,260 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.1% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยมาจากค่าธรรมเนียมการศึกษาซึ่งเป็นผลจากจำนวนนักเรียนใหม่ที่เข้าสู่ระบบการศึกษาเพิ่มขึ้น แต่เป็นอัตราการเพิ่มที่ชะลอตัวจากปีก่อนเนื่องจากการระบาดของโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจครัวเรือนทำให้โรงเรียนเอกชนหลายแห่งไม่ได้ปรับขึ้นค่าเรียน และบางแห่งได้ปรับลดค่าธรรมเนียมการศึกษาเพื่อแบ่ง เบาภาระของผู้ปกครอง อย่างไรก็ดี ผู้ปกครองส่วนใหญ่ปรับลดค่าใช้จ่ายลงตามรายได้ที่จะลดลงโดยกลุ่มที่ปรับลดค่าใช้จ่าย ได้แก่ ค่าใช้จ่ายสินค้าเพื่อการศึกษา เช่น ชุดนักเรียน รองเท้า อุปกรณ์ การเรียน โดยจะซื้อเท่าที่จำเป็น และกลุ่มค่าใช้จ่ายการเรียนกวดวิชา/เสริมทักษะ
หน้า 1 ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,586 วันที่ 25 - 27 มิถุนายน พ.ศ. 2563