นายกีรติ รัชโน อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน (ทตอ.) โดยมีนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ เป็นประธานว่า ที่ประชุมได้เห็นชอบร่างผลการทบทวนความจำเป็นในการใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด (เอดี) โดยการเรียกเก็บภาษีสินค้าเหล็กกล้าไร้สนิมรีดเย็น ชนิดม้วน แผ่น และแผ่นแถบ ที่มีแหล่งกำเนิดจากญี่ปุ่น ไต้หวัน และเกาหลีใต้ และเห็นชอบให้ใช้มาตรการนี้ต่อไปอีก 5 ปี หลังจากที่ได้ใช้มาตรการดังกล่าวมาครบ 5 ปีแล้ว
สำหรับสาเหตุที่ให้ต่ออายุมาตรการอีก 5 ปี เพราะยังพบการทุ่มตลาดในไทย คือ ตั้งราคาขายเหล็กดังกล่าวในไทยต่ำกว่าที่ขายในประเทศผู้ผลิต จนทำให้อุตสาหกรรมเหล็กของไทยเสียหายอย่างร้ายแรง โดยปัจจุบัน ไทยเก็บอากรเอดีเหล็กดังกล่าวจากญี่ปุ่น 50.92% ของราคา ซี ไอ เอฟ (ราคาสินค้ารวมค่าระวางเรือ ค่าประกันสินค้า), ไต้หวัน 0-33.99% และเกาหลีใต้ 50.99%
นอกจากนี้ ยังเห็นชอบร่างผลการทบทวนอัตราอากรเอดี สินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วน และไม่เป็นม้วน ที่เรียกเก็บจากผู้ส่งออกญี่ปุ่น 1 ราย โดยผู้ส่งออกรายนี้ ได้ส่งเอกสาร หลักฐานต่างๆ มาให้กรมพิจารณา และขอให้ปรับลดอัตราการจัดเก็บอากร เพราะแม้บริษัทนี้ ยังมีการทุ่มตลาดเหล็กดังกล่าวในไทย แต่พบว่า ความเสียหายของอุตสาหกรรมเหล็กชนิดเดียวกันของไทย ไม่ร้ายแรง หรือได้รับผลกระทบมากนัก ซึ่งกรมได้พิจารณาปรับลดให้แล้ว จากปัจจุบัน เก็บที่ 36%
หลังจากที่ประชุมคณะกรรมการทุ่มตลาดฯได้เห็นชอบแล้ว กรมจะส่งรายละเอียดข้อเท็จจริง ที่ใช้ในการพิจารณาร่างผลการทบทวนทั้ง 2 กรณี ให้แก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย เช่น อุตสาหกรรมเหล็กของไทย ผู้นำเข้า ผู้ใช้ และจัดประชุมเพื่อรับฟังความเห็นว่า ยังมีผลกระทบร้ายแรงสมควรจะใช้มาตรการต่ออีก 5 ปี หรือผลกระทบลดลง สมควรที่จะลดอัตราการจัดเก็บอากรเอดีหรือไม่ ถ้าไม่เห็นด้วย ก็ต้องเอาข้อมูลมายันกัน จากนั้น กรมจะสรุปรายละเอียดจากการรับฟังความเห็น เพื่อเสนอต่อ คณะกรรมการทุ่มตลาดฯพิจารณาครั้งสุดท้าย
ทั้งนี้คณะกรรมการทุ่มตลาดฯยังเห็นชอบให้รับคำขอ และเปิดไต่สวนเพื่อใช้มาตรการเอดีสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วน และไม่เป็นม้วน จากเวียดนาม และอียิปต์ ตามที่กลุ่มอุตสาหกรรมเหล็กของไทยร้องขอ โดยสาเหตุที่รับเปิดไต่สวน เพราะเห็นว่า คำขอของอุตสาหกรรมเหล็กของไทยมีมูลว่า เหล็กจากทั้ง 2 ประเทศทุ่มตลาดของไทย จนก่อให้เกิดความเสียหายต่ออุตสาหกรรมเหล็กของไทย ซึ่งหลังจากนี้ กรมจะเปิดไต่สวน และใช้เวลาประมาณ 1 ปีถึง 1 ปีครึ่งจึงจะแล้วเสร็จ