นายฉาย บุนนาค ประธานกรรมการบริษัท เนชั่น บรอดแคสติ้ง คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ NBC เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานปี 2563 บริษัทมีรายได้ 911.53 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 88 % มีกำไรส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่ 43.07 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 32.13 ล้านบาท ปรับตัวลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อน 89 % ซึ่งการเติบโตของรายได้ส่วนใหญ่มาจากธุรกิจโฮม ช้อปปิ้งที่ปรับตัวสูงขึ้น ท่ามกลางผลกระทบจากเศรษฐกิจที่มีผลต่อทั้งอุตสาหกรรมสื่อดิจิทัล
ส่วนเม็ดเงินโฆษณาแม้จะได้รับผลกระทบ แต่บริษัทมีการกระจายรายได้ในส่วนอื่นๆ เพิ่มขึ้น จากการปรับโครงสร้างธุรกิจก่อนหน้านี้ไม่ได้พึ่งพิงจากรายได้โฆษณาอย่างเดียว จึงทำลดผลกระทบและยังสามารถสร้างกำไรปี 2563 พร้อมทั้งยังคงเบอร์ 1 ในช่องข่าวดิจิทัล ท่ามกลางการแข่งขันและผลกระทบจากการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19
อย่างไรก็ตามภายใต้ปัจจัยลบดังกล่าวบริษัทยังมีผลประกอบการที่น่าพอใจ เมื่อเปรียบเทียบกับอุตสาหกรรมที่เผชิญการขาดทุนที่สำคัญภาระต้นทุนค่าใบอนุญาตทีวีดิจิทัลที่ต้องจ่ายให้กับ กสทช. จะหมดลงในปีนี้จากกำหนดการจ่ายงวดสุดท้ายในเดิือนพ.ค. เป็นมูลค่า 48 ล้านบาททำให้บริษัทไม่มีภาระค่าใช้จ่ายในส่วนนี้อีก
“ภาวะเศรษฐกิจและผลกระทบที่เกิดขึ้นถือว่าบริษัทยังรักษาฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง สะท้อนจากปีที่ผ่านมีการประกาศปรับฐานเงินเดือนพนักงานและโบนัส ซึ่งในปี 2564 จะมีการพิจารณาปรับโครงสร้างส่วนทุน อาจจะเป็นไปได้ทั้งการลดพาร์ หรือนำส่วนล้ำมูลค่าหุ้น ส่วนส่วนทุน ซึ่งอยู่ระหว่างการศึกษาเพื่อให้ NBC กลับมาจ่ายเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้นภายในปี 2564 นี้ และยังถือว่าเป็นการกลับมาจ่ายปันผลครั้งแรกในรอบ 5 ปี ”
สำหรับปี 2564 มองการเติบโตของรายได้ประมาณ 6 % มาจากโฆษณา 35 % โฮม ช้อปปิ้ง 30 % เช่าเวลา 15 % เนชั่น ออนไลน์ 5 % คมชัดลึก 4 % งานอีเวน 4 % และอื่น 7 % ภายใต้ปัจจัยวัคซีนมาเร็วและไม่มีการระบาดรอบใหม่ ซึ่งเชื่อว่าจะสร้างความเชื่อมั่นและกระตุ้นการใช้จ่ายตามมาเนื่องจากตามแผนงานปีนี้เตรียมที่จะเพิ่มฐานรายได้และกลุ่มเป้าหมาย
ส่วนของงานข่าวยังคงจุดยืนเดิมในการนำเสนอข่าวที่ตามข้อเท็จจริงและรับผิดชอบต่อสังคม ผ่านทั้งช่องทางทีวีดิจิทัลและออนไลน์ ซึ่งในปีนี้ทางช่องทางออนไลน์จะเห็นการเปลี่ยนแปลงมากขึ้นจากรายการใหม่ๆเพิ่มเข้ามาและแตกต่างจากช่องทางทีวีดิจิทัลจากฐานผู้ชมส่วนใหญ่ 80 % อายุเฉลี่ย 40 ปีขึ้นนั้นจะเพิ่มกลุ่มเจอเนเรชั่นใหม่ๆ เข้ามาผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์จะเริ่มเห็นตั้งแต่เดือนเม.ย.-พ.ค. นี้เป็นต้นไป ซึ่งการขยายช่องทางออนไลน์มากขึ้นจะส่งผลต่อรายได้โฆษณาที่เดิมจะเป็นการขายผ่านเอเยนซี่จะเป็นการเพิ่มจากผู้ประกอบการโดยตรง
ขณะที่ธุรกิจอีเวนยังเตรียมงานใหญ่ไว้ถึง 2 งาน คือคมชัดลึก อวอร์ด ช่วงปลายเดือนมี.ค. นี้ ซึ่งเชื่อว่าจะได้รับการตอบรับที่ดี และงานครบรอบ 50 ปีเนชั่น ที่เดินทางมาครึ่งศตวรรษ เพื่อตอกย้ำการเป็นผู้นำสถานีข่าวพร้อมนำเสนอเนื้อหาสาระที่สร้างสรรค์และเป็นประโยชน์ต่อสังคม ซึ่งทั้งนี้หากไม่เจอการระบาดและมีวัคซีนก็เชิื่อว่าจะสามารถสร้างรายได้ในส่วนนี้ตามเป้าหมายที่วางไว้
ธุรกิจโฮมช้อปปิ้งที่สร้างรายได้ในปี 2563 ที่ผ่านมายอมรับว่าการแข่งขันรุนแรงและในปีนี้การทำธุรกิจไม่ง่าย เนื่องจากเจอปัจจัยความเชื่อมั่นของสินค้าลดลงจากกรณีโฆษณาเกินจริงและกำลังซื้อที่ลดลงตามภาวะเศรษฐกิจ
อย่างไรก็ตามบริษัทเตรียมเพิ่มรายได้อื่นในปีนี้ โดยเฉพาะธุรกิจกาแฟ ภายใต้ แบรนด์ “เนชั่น คอฟฟี่ ”“เริ่มเปิดสาขาแรกที่อาคารเนชั่นในเดือนมี.ค. และจะขยายสาขาตามอาคารสำนักงานในกรุงเทพฯ ประมาณ 10 สาขาภายในปีนี้ โดยมีจุดแข็งอยู่ที่การใช้กาแฟสายพันธุ์ในประเทศ ภายใต้คอนเทคฟาร์มเมอร์จากเกษตรคนไทยที่มีคุณภาพ ที่สำคัญประชาชนสามารถบริโภคได้ในราคาไม่แพงหรือราคาลดลง 40 % จากราคากาแฟแบรนด์ดังแต่มีคุณภาพเท่ากัน”
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง :