"ซีพีเอฟ"กำไรสุทธิปี 63 โตกว่า 2.6 หมื่นล้าน

24 ก.พ. 2564 | 16:05 น.

ซีพีเอฟเผยกำไรสุทธิปี 63 กว่า 2.6 หมื่นล้านโต 41% จ่ายปันผล 1 บาทต่อหุ้น มั่นใจปี 64 ผลประกอบการดีกว่าปีที่แล้ว หลังใช้ AI เสริมแกร่งการทำงาน

บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ รายงานกำไรสุทธิประจำปี 2563 จำนวน 26,022 ล้านบาท เติบโต 41% จากปีก่อน มีกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่ายและค่าใช้จ่ายภาษีและค่าเสื่อมราคา (EBITDA) จำนวน 81,692 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 72%  ปัจจัยหลักมาจากการที่บริษัทให้ความสำคัญต่อการบริหารจัดการกระบวนการผลิตด้วยมาตรฐานสูงสุดด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ทันสมัย รวมทั้งการใช้ระบบ AI มาเสริมการทำงานให้มีผลดีที่สุดกว่าในอุตสาหกรรม ทำให้แม้ในภาวะวิกฤติโรคระบาดทั้งโควิด-19 และโรคแอฟริกันสไวน์ฟีเวอร์ (ASF) บริษัทยังสามารถสร้างผลการดำเนินงานที่ดีขึ้น 

นายประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานคณะผู้บริหาร ซีพีเอฟ เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นอย่างโดดเด่นของซีพีเอฟเป็นผลมาจากการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมที่บริษัทได้ค้นคว้าขึ้นมา ทั้งการสร้างสายพันธุ์สัตว์ขึ้นมาใหม่และระบบการเลี้ยง การบริหารจัดการในรูปแบบใหม่ พร้อมการนำ Bio-Security เข้ามาเสริมการดำเนินการ รวมถึงการมีระบบการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคในการเลี้ยงสัตว์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในธุรกิจสุกรและธุรกิจกุ้งครบวงจร

\"ซีพีเอฟ\"กำไรสุทธิปี 63 โตกว่า 2.6 หมื่นล้าน

                              รายได้ของซีพีเอฟปี 2563 เทียบปี 2562

ทั้งนี้ความสามารถในการทำกำไรของบริษัทปรับตัวดีขึ้นอย่างมาก มาจากการให้ความสำคัญในการควบคุมประสิทธิภาพและต้นทุนด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมทั้งด้านการผลิต การเลี้ยง และช่องทางจำหน่ายสินค้า และราคาสุกรในภูมิภาคเอเชียที่ปรับตัวสูงขึ้นโดยเฉพาะในประเทศเวียดนามและประเทศจีน ประกอบกับผลดำเนินงานของธุรกิจสัตว์น้ำในประเทศไทยปรับตัวดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ จากการปรับกลยุทธ์ทางการตลาดและการเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจ 

ท่ามกลางโรคระบาดโควิด-19 ที่แพร่ระบาดที่ทำให้เกิดภาวะเศรษฐกิจหยุดชะงักและกำลังซื้อของผู้บริโภคลดลง แต่สินค้าของบริษัทเป็นสินค้าจำเป็นต่อการดำรงชีพและบริษัทได้มีการปรับรูปแบบช่องทางการจำหน่ายสินค้าให้แก่ผู้บริโภคเพิ่มขึ้น พร้อมกับการปรับรูปแบบการทำงานและนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้มากขึ้น ทำให้ผลการดำเนินงานไม่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคที่ผ่านมา

นายประสิทธิ์กล่าวถึงถึงแนวโน้มผลการดำเนินงานสำหรับปี 2564 ว่า จากกำลังซื้อของผู้บริโภคที่คาดว่าจะดีขึ้นจากภาวะของโรคโควิด-19 ที่มีแนวโน้มคลี่คลายลง ซึ่งจะส่งผลให้มีความต้องการบริโภคในประเทศต่างๆ มากขึ้น และการส่งออกอาหารจากประเทศไทยก็จะดีขึ้นตามด้วยเช่นกัน  ประกอบกับการขยายกำลังการผลิตของบริษัทในช่วงที่ผ่านมา และการพัฒนาประสิทธิภาพในการผลิตและการขายด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อให้มีความสามารถในการแข่งขันที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงมั่นใจว่าปี 2564 นี้ผลการดำเนินงานจะดีขึ้นจากปีที่ผ่านมา

คณะกรรมการบริษัทซีพีเอฟ มีมติให้เสนอต่อที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2564 เพื่อพิจารณาอนุมัติการจ่ายเงินปันผลจากผลการดำเนินงานปี 2563 ให้แก่ผู้ถือหุ้นรวมทั้งสิ้นในอัตราหุ้นละ 1.00 บาท (ได้มีการจ่ายครั้งแรกเป็นเงินปันผลระหว่างกาลให้แก่ผู้ถือหุ้นแล้วในอัตราหุ้นละ 0.40 บาท เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2563)

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :

ซีพีเอฟ กางแผนปี 2564 ชูเศรษฐกิจหมุนเวียน ขับเคลื่อนองค์กรยั่งยืน

“ซีพีเอฟ”ผงาดกลุ่มหุ้นยั่งยืนปีที่ 6 ตอกย้ำความมั่นใจนักลงทุน

“ไข่ไก่”ราคาร่วงเกษตรกรน้ำตาซึม “ซีพีเอฟ”หนุนส่งออก 100 ล้านฟอง

ซีพีเอฟจับมือ อ.ส.ค. ดัน “เกษตรแม่นยำ”โคนม

ถอดรหัส “ซีพีเอฟ” ผลิตอาหารปลอดภัยสู้โควิด