นายจุลภาส (ทอม) เครือโสภณ ผู้ก่อตั้งบริษัท GTH "Golden triangle health" จำกัด เปิดเผยว่า ตลาด กัญชง เป็นธุรกิจที่น่าสนใจและน่าจับตามองเป็นอย่างยิ่งหลังจากราชกิจจานุเบกษา อนุญาตให้นำกัญชงใช้ในเชิงพาณิชย์ได้ ตั้งแต่วันที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2563 และมีผลตามประกาศคือวันที่ 29 มกราคม พ.ศ.2564 ที่ผ่านมา
ประกอบกับทางองค์การอาหารและยา (อย.) ยังอนุญาตให้เอกชนที่สนใจสามารถลงทะเบียนเพื่อขอปลูกกัญชงในพื้นที่ขนาดใหญ่เพื่อธุรกิจได้ ส่วนประเภทเครื่องดื่มและอาหารอาหารเสริม เครื่องสำอาง ฯลฯ จะมีการทยอยออกกฎหมายมารองรับภายใน 4 เดือน ซึ่งจะอยู่ในช่วงพฤษภาคม พ.ศ.2564
จากมาตราการส่งเสริมจากภาครัฐดังกล่าวส่งผลให้ประเทศไทยกลายเป็นประเทศเดียวที่ กัญชง ถูกกฎหมาย
นั่นหมายถึงโอกาสทางธุรกิจมูลค่ามหาศาล นอกจากนี้คาดว่าช่วงกลางปี พ.ศ.2564 นักท่องเที่ยวจากประเทศจีนจะเริ่มเดินทางกลับเข้ามาในประเทศไทยอีกครั้ง ซึ่งจีน เป็นผู้บริโภคที่ให้ความสนใจในผลิตภัณฑ์ กัญชง อย่างมาก ซึ่งจะทำให้ตลาด กัญชง ในประเทศไทยเติบโตแบบก้าวกระโดด
เพื่อรองรับเทรนด์ กัญชง ที่เกิดขึ้น บริษัทได้ร่วมกับพันธมิตรคิดค้นและพัฒนาผลิตภัณฑ์จากกัญชง เพื่อประโยชน์ด้านการรักษาสุขภาพ เพิ่มความผ่อนคลาย ช่วยให้การนอนหลับดียิ่งขึ้น เพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภคที่คาดว่าจะให้การตอบรับที่ดีอย่างมีนัยสำคัญ
ด้านนางสาวณัฏฐิฏา ภูมิภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท GTH "Golden triangle health" จำกัด เปิดเผยว่าบริษัทได้ร่วมมือกับพันธมิตรรายใหญ่ของไทย อาทิSmooth E , Dentiste , Pepermint field , Divana ในการคิดค้นและพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบจากกลิ่นกัญชงและสารสกัดกัญชง ในหลากหลายรูปแบบ
อาทิยาดมกลิ่นกัญชง ชอคโกแลตกลิ่นกัญชง ไอศครีมกลิ่นกัญชง น้ำมันหอมระเหยจากสารสกัดกัญชง สปากัญชง ฯลฯ คาดว่าหลังจากวางจำหน่ายสู่ท้องตลาด จะได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภค และส่งให้บริษัทสามารถขึ้นครองตลาดกัญชงในไทยได้ไม่ยาก ทั้งนี้ตั้งเป้าหมายรายได้ปีแรกไว้ที่ 500 ล้านบาท
นอกจากนี้ บริษัทยังเปิดโอกาสให้ผู้ที่สนใจในธุรกิจกัญชง ได้เป็นเจ้าของธุรกิจผ่านระบบแฟรนไชส์ ภายใต้แบรนด์ Hemp house ซึ่งทางบริษัทจะรวบรวมผลิตภัณฑ์จาก กัญชง ทั้งในส่วนของบริษัทพัฒนาเองและผลิตภัณฑ์ที่เกิดจากความร่วมมือกับพันธมิตรปัจุบันและพันธมิตรในอนาคต โดยเน้นไปที่ผลิตภัณฑ์กลุ่มขนมขบเคี้ยว
โดยต้นทุนแฟรนไชส์เริ่มต้น 200,000 บาท คืนทุนภายใน 6 เดือน โดยเบื้องต้นบริษัทซัพพร์อตผลิตภัณฑ์ชุดแรกราวๆ10 รายการ คาดว่าภายในปี2564 นี้จะมีผู้สนใจซื้อแฟรนไชส์ 200 ราย
“ตลาด กัญชง จะไม่ใช่แค่เทรนด์ระยะสั้น แต่จะเติบโตอย่างก้าวกระโดดอย่างน้อย3-4 ปี หลังจากนั้นตลาดจะเติบโตต่อเนื่องจากผู้บริโภคที่ยังใช้ ผลิตภัณฑ์จากกัญชงเพื่อเหตุผลทางสุขภาพ โดยราคาผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารสกัดกัญชงจะสูงจากราคาปกติ 20-30% เนื่องจากต้นทุนของกัญชงซึ่งเป็นวัตถุดิบ ยังมีราคาแพง
แต่ในอนาคตเมื่อมีการปลูกมากขึ้นและสามารถสกัดสารสำคัญออกมาได้ราคาก็ลดลงตามกลไกตลาด ซึ่งบริษัทได้ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยขอนแก่น ในการปลูกกัญชงเพื่อการพานิชย์กว่า 1,000 ไร่ ซึ่งเพียงพอต่อการรองธุรกิจในอนาคตของบริษัทอย่างแน่นอน”
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :