นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวในการเป็นประธานในการลงนามข้อตกลงร่วมกันกับ 36 หน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน ขับเคลื่อนมาตรการบริหารจัดการผลไม้ ปี 2564 ว่า ในปีนี้ผลไม้เศรษฐกิจที่สำคัญคาดว่าจะมีผลผลิตออกมารวม 5.4 ล้านตัน เช่น สับปะรด 1.98 ล้านตัน ทุเรียน 1.28 ล้านตัน ลำไย 1.4 ล้านตัน เงาะ 0.27 ล้านตัน ลองกอง 8.5 หมื่นตัน ลิ้นจี่ 3.7 หมื่นตัน เป็นต้น ดังนั้นหน่วยงานรัฐจึงร่วมมือกันในการป้องกันปัญหาผลิตไม้ล้นตลาดหรือออกมากระจุกตัวทำให้ราคาตกต่ำโดยเฉพาะในเดือนพฤษภาคม เนื่องจากผลผลิตปีนี้สูงขึ้นกว่าปีที่แล้วถึง 23%
ดังนั้นจากการหารือกับหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องได้ข้อสรุปออกมา 16 มาตรการ ประกอบด้วย 1.เร่งรัดการตรวจรับรอง GAP ที่เป็นเอกสารสำคัญในการส่งออกผลไม้ไทย โดยกรมวิชาการเกษตรจะเป็นผู้รับผิดชอบดำเนินการตั้งเป้าหมายว่าปี 2564 จะดำเนินการตรวจรับรองให้เสร็จสิ้นอย่างน้อย 120,000 แปลง
2.ผ่อนปรนกฎระเบียบการเคลื่อนย้ายแรงงาน เพื่อเก็บผลไม้ข้ามจังหวัดได้ ปีนี้จะกำหนดมาตรการเคลื่อนย้ายแรงงานเก็บผลไม้จากภาคตะวันออกไปสู่ภาคใต้ได้ด้วย 3.กอ.รมน. จะสนับสนุนกำลังพลในการช่วยเก็บเกี่ยวและขนย้ายผลไม้เช่น ลองกอง จากสวนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วย 4.ส่งเสริมการรับซื้อผลไม้ของผู้ประกอบการที่รวบรวมผลไม้ กิโลกรัมละ 3 บาท 5.สนับสนุนให้มีรถเร่ไปซื้อผลไม้เพื่อนำไปขายปลีกให้กับผู้บริโภคจำนวน 4,000 ตัน โดยกระทรวงพาณิชย์ ช่วยสนับสนุนรถเร่คันละ 1,500 บาท ให้กระจายได้คล่องตัวขึ้น
6.สำหรับผลไม้ที่จะส่งไปขายผ่านไปรษณีย์ไทยจะช่วยสนับสนุนลดค่าใช้จ่าย จาก 10 กิโลกรัม 95 บาท ลดเหลือ 30 บาท ส่งเสริมให้ชาวสวนขายผลไม้ผ่านไปรษณีย์ ตั้งเป้าหมายไว้ 2,000 ตัน จากปีที่แล้ว 400 ตัน
7.กระทรวงพาณิชย์จะประสานงานเปิดพื้นที่ให้เกษตรกรจำหน่ายผลไม้โดยตรงได้ที่ตลาดกลาง ตลาดสด สนามบิน ห้างค้าปลีกค้าส่งสมัยใหม่ ห้างท้องถิ่น รวมถึงปั๊มน้ำมัน 8.ช่วยเร่งรัดผลักดันการส่งออกผลไม้ช่วยสนับสนุนผู้ส่งออกผลไม้กิโลกรัมละ 2.50 บาท มีเป้าหมาย 60,000 ตัน
9.ใช้อมก๋อยโมเดลหรือเรียกว่า เกษตรพันธสัญญา ทำสัญญาล่วงหน้าให้เกษตรสามารถขายผลไม้ได้ปริมาณ 20,000 ตัน 10.การหิ้วผลไม้ขึ้นเครื่องบิน ปีนี้กระทรวงพาณิชย์ประสานงานกับสายการบินทุกสายการบินและให้ความร่วมมือในการเปิดโอกาสให้ผู้โดยสารสามารถโหลดได้ 25 กิโลกรัมฟรี ไม่คิดค่าใช้จ่าย
11.กระทรวงพาณิชย์จะร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆส่งเสริมการค้าออนไลน์โดยจัดอบรมกลุ่มเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน สหกรณ์หรือรูปแบบอื่นๆให้มีความรู้ในการขายผลไม้ออนไลน์ และสนับสนุนให้ไปขายบนแพลตฟอร์มปีนี้ เพิ่มเป็น 11 แพลตฟอร์ม 12.ส่งเสริมการขายผลไม้ในตลาดต่างประเทศอย่างเข้มข้น จัดงาน THAIFEX-ANUGA ASIA 2021 วันที่ 29 กันยายนถึง 3 ตุลาคม 64 จัดกิจกรรม Thai Fruit Golden Months ปีที่แล้วจัด 9 เมือง ปีนี้จัด 14 เมืองของจีนที่เป็นตลาดใหญ่สุดของประเทศไทย และนำผู้ประกอบการผลไม้เข้าร่วมงานแสดงสินค้านานาชาติในต่างประเทศ
13.ส่งเสริมการส่งออกออนไลน์ผลไม้ไทย จัดให้ทูตพาณิชย์ทั่วโลกจะจับคู่ธุรกิจออนไลน์ โดยทีมเซลล์แมนประเทศเป็นผู้ดำเนินการตั้งแต่เดือนมีนาคมถึงพฤศจิกายน 64 เช่น จัดงาน In-Store Promotion หรือจัดตามห้างสรรพสินค้าประเทศต่างๆ เช่นอินเดียจัดในเดือนมิถุนายน และเจรจาจับคู่ธุรกิจด้วยระบบออนไลน์ 40 บริษัทส่งออกผลไม้ไทย และผู้นำเข้า 170 บริษัทจากทั่วโลกวันที่ 25 มีนาคม 2564 14.ส่งเสริมการส่งออกผลไม้ไทยในต่างประเทศในรูปแบบผสมผสานที่เรียกว่าไฮบริด ปีนี้จัด 7 ครั้งกระจายทั้งปี เพื่อส่งเสริมการส่งออกผลไม้ไทย จับคู่ซื้อผลไม้จริงด้วยระบบไฮบริดในประเทศต่างๆเช่น จีน ญี่ปุ่น เวียดนาม กัมพูชา เมียนมา เอเชียใต้ อินเดีย บังกลาเทศ ปากีสถาน เป็นต้น
15.เร่งการประชาสัมพันธ์ สร้างความเชื่อมั่นให้ผลไม้ไทยทำสื่อ 5 ภาษา อังกฤษ ไทย จีน ญี่ปุ่น และเกาหลีและ16.กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้องจะบังคับใช้มาตรการทางกฏหมายโดยเคร่งครัดทั้ง พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ให้ล้งรับซื้อผลไม้ต้องติดป้ายราคารับซื้อ ณ เวลา 8.00 น. ทุกวันเพื่อเกษตรกรจะได้รู้ล่วงหน้า พ.ร.บ.มาตราชั่งตวงวัด จับกุมผู้โกงน้ำหนักดัดแปลงเครื่องชั่งเอาเปรียบเกษตรกร พ.ร.บ.การแข่งขันทางการค้าป้องกันการผูกขาด การฮั้วและการปฏิบัติทางการค้าที่ไม่เป็นธรรมโดยเคร่งครัดโดยในส่วนนี้จะใช้งบประมาณคณะกรรมการนโยบายและมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร(คชก.) 492 ล้านบาท นอกจากนี้ยังเสริมสภาพคล่องด้วยการชดเชยดอกเบี้ย 3% ให้เกษตรกร สถาบันเกษตรกรเพื่อใช้ในการรวบรวมกระจายรับซื้อผลไม้วงเงินกู้ 3,200 ล้านบาท และยังเดินหน้าส่งเสริมการส่งออกทั้งออฟไลน์และออนไลน์ผ่านทั้งพาณิชย์จังหวัดและทูตพาณิชย์ทั่วโลก ทั้งนี้จะเริ่มมาตรการดังกล่าวตั้งแต่เดือนมี.ค-พ.ย. 2564