นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยถึงผลการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมความตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน-ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์ ครั้งที่ 12 ผ่านระบบการประชุมทางไกล เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา เพื่อปรับปรุงความตกลง FTA อาเซียน-ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์ (AANZFTA) ที่มีผลใช้บังคับตั้งแต่ปี 2553 ซึ่งผ่านมาแล้ว 10 ปี โดยต้องการจะยกระดับความตกลงให้ทันต่อสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่เปลี่ยนไป และหวังฟื้นการค้าและการลงทุนในภูมิภาคให้กลับมาแข็งแกร่งภายหลังสถานการณ์โควิด-19
โดยที่ประชุมได้หยิบยกประเด็นที่เห็นว่า ควรจะต้องปรับปรุง หรือรวมไว้ในความตกลงที่จะยกระดับเพื่อให้ทันสถานการณ์การค้าที่เปลี่ยนแปลงไป อาทิ มาตรการที่ไม่ใช่ภาษี (NTMs) กฎถิ่นกำเนิดสินค้า การรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าด้วยตัวเอง (Self-certification) พิธีการศุลกากรและการอำนวยความสะดวกทางการค้า การค้าบริการและการลงทุน (พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ บริการโทรคมนาคม และบริการทางการเงิน) การจัดซื้อจัดจ้างโดยรัฐ การแข่งขันทางการค้า การคุ้มครองผู้บริโภค และการค้าและการพัฒนาที่ยั่งยืน ซึ่งที่ประชุมได้ร่วมกันกำหนดเป้าหมายการเจรจาให้เสร็จภายในปี 2565
นอกจากนี้ยังได้หารือเรี่องการต่ออายุการสนับสนุนทางการเงินของออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ผ่านโครงการความร่วมมือทางเศรษฐกิจซึ่งจะสิ้นสุดในปีนี้ โดยในปี 2563 ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ได้สนับสนุนงบประมาณในวงเงิน 45 ล้านเหรียญออสเตรเลีย หรือราว 1,058 ล้านบาท เพื่อพัฒนาศักยภาพของประเทศสมาชิกในการดำเนินการตามพันธกรณีความตกลง AANZFTA นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้รับทราบกรณีชิลีแสดงความสนใจที่จะเข้าเป็นสมาชิก AANZFTA ซึ่งความตกลง AANZFTA ไม่มีข้อบทเรื่องการรับสมาชิกใหม่ โดยสมาชิกจะมีการหารือเรื่องนี้ต่อไป
ทั้งนี้ ความตกลง FTA อาเซียน ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ มีบทบาทสำคัญต่อการค้าและการลงทุนในภูมิภาค ซึ่งออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ได้ยกเลิกการเก็บภาษีนำเข้ากับสินค้าส่งออกจากอาเซียนทุกรายการแล้ว ในส่วนของไทยได้ยกเลิกการเก็บภาษีนำเข้ากับสินค้าที่ส่งออกจากออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ 98% ของจำนวนรายการสินค้าทั้งหมด ส่งผลให้มูลค่าการค้าระหว่างอาเซียน ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ ขยายตัวจาก 49.35 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2552 เป็น 73.43 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2562
สำหรับการส่งออกของไทยไปออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ในไตรมาสแรกของปี 2564 (ม.ค.- มี.ค.) มีมูลค่า 3,432.75 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว 21.57% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว สินค้าส่งออกสำคัญ อาทิ รถยนต์ขนส่งน้ำหนักบรรทุกไม่เกิน 5 ตัน รถยนต์ขนาดเครื่องยนต์ 1,500-2,500 ซีซี ปลาทูน่าแปรรูป เครื่องปรับอากาศ แผ่นอะลูมิเนียม และโพลีเอทิลีน