วันที่ 8 มิถุนายน 2564 นายวิชวุทย์ จินโต ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ในฐานะผู้กำกับการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินจังหวัดสุราษฎร์ธานี มีหนังสือด่วนที่สุดที่ สฎ 0018.1/ว 3739 ลงวันที่ 7 มิถุนายน 2564 พร้อมคำสั่งจังหวัดสุราษฎร์ธานี ที่3652/2564 เรื่อง มาตรการเร่งด่วนในการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ฉบับที่ 46) เฉพาะพื้นที่อำเภอเกาะสมุย ระบุว่า
ปัจจุบันพบว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานีมีแนวโน้มสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ และมีแนวโน้มที่ดีขึ้นตามลำดับ ประกอบกับในพื้นที่อำเภอเกาะสมุย มีประชาชนทั่วไป เจ้าหน้าที่หน่วยงานรัฐ และผู้ที่ทำงานภาคบริการเกี่ยวกับการท่องเที่ยว
รวมถึงผู้สูงอายุที่มีอายุเกินกว่า 60 ปี ได้รับวัคซีนโควิด-19 อย่างทั่วถึงพอสมควร อันจะนำไปสู่การสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ได้ในระยะเวลาอันใกล้
ทำให้อัตราความเสี่ยงในการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ในพื้นที่ลดน้อยลง อันจะนำไปสู่การฟื้นฟูเศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยวซึ่งเป็นรายได้หลักของประเทศ จึงจำเป็นต้องกำหนดมาตรการเฉพาะพื้นที่อำเภอเกาะสมุยเพื่อรองรับการฟื้นฟูเศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยวต่อไป
ดังนั้น เพื่อให้เกิดความเหมาะสมในการปฏิบัติตามมาตรการที่กำหนด อันจะนำไปสู่การฟื้นฟูเศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยวของประเทศตามนโยบายของรัฐบาล และเพื่อให้การระงับยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคเป็นระบบและมีประสิทธิภาพสูงสุด
อีกทั้งเพื่อเป็นการวางมาตรการรองรับนักท่องเที่ยวที่ได้รับวัคซีนครบตามจำนวนโดส เรียบร้อยแล้วให้สามารถเข้ามาท่องเที่ยวภายในประเทศได้ และเพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่น และแรงจูงใจให้กับประชาชนในพื้นที่ที่ยังไม่ได้รับวัคซีนได้เข้ามารับการฉีดวัคซีนโควิด-19 อย่างทั่วถึงและเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ จึงมีคำสั่งให้ใช้มาตรการการคัดกรองผู้เดินทางเข้าพื้นที่อำเภอเกาะสมุย ดังต่อไปนี้
พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (สีแดงเข้ม)
กรุงเทพมหานคร นนทบุรี ปทุมธานี และสมุทรปราการ
พื้นที่ควบคุมสูงสุด (สีแดง)
กาญจนบุรี ชลบุรี ฉะเชิงเทรา ตาก นครปฐม นครศรีธรรมราช นราธิวาส ประจวบคีรีขันธ์ พระนครศรีอยุธยา เพชรบุรี ยะลา ระนอง ระยอง ราชบุรี สงขลา และสมุทรสาคร เมื่อเดินทางเข้ามาพื้นที่อำเภอเกาะสมุย ให้ใช้มาตรการกักกันตัวตลอดระยะเวลาที่อยู่ในอำเภอเกาะสมุย หรือจนครบ 14 วัน แล้วแต่กรณี
ยกเว้นกรณีดังต่อไปนี้ ให้ใช้มาตรการแยกตัว ดังนี้
1.กรณีมีผลรับรองการตรวจหาเชื้อ ได้แก่ บุคคลผู้เดินทางเข้ามาในพื้นที่อำเภอเกาะสมุย ที่มีผลตรวจเชื้อ ด้วยวิธี Real-time PCR (RT-PCR) ภายในระยะเวลาไม่เกิน 72 ชั่วโมง ซึ่งได้แสดงเอกสารใบรับรองแพทย์หรือเอกสารผลการตรวจเชื้อดังกล่าวซึ่งออกโดยโรงพยาบาลหรือหน่วยงาน ที่กระทรวงสาธารณสุขรับรองต่อเจ้าพนักงานควบคุมโรคที่ประจำอยู่ ณ จุดตรวจแล้ว และผลตรวจไม่พบว่ามีการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19)
2.กรณีได้รับวัคซีนครบ 2 เข็ม ได้แก่ บุคคลผู้เดินทางเข้ามาในพื้นที่อำเภอเกาะสมุย เป็นผู้ได้รับวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ครบจำนวน 2 เข็ม หรือครบโดสตามจำนวนวัคซีนแต่ละชนิด และได้แสดงเอกสารรับรอง ซึ่งออกโดยโรงพยาบาลหรือหน่วยงานที่ได้รับมอบหมาย
ตามรูปแบบและวิธีการที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด ต่อเจ้าพนักงานควบคุมโรคที่ประจำอยู่ ณ จุดตรวจ ว่าเป็นผู้ได้รับวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ครบจำนวน 2 เข็ม หรือครบโดสตามจำนวนวัคซีนแต่ละชนิดแล้วแต่กรณี
ในกรณีที่เจ้าพนักงานควบคุมโรคประเมินแล้วเห็นว่า บุคคลที่ได้รับวัคซีนดังกล่าวข้างต้น ยังมีความเสี่ยงสูงหรือสงสัยว่าอาจติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) จะสั่งให้บุคคลผู้เดินทางเข้ามาดังกล่าวทำการตรวจหาเชื้อ ตามวิธีการที่เจ้าพนักงานควบคุมโรคกำหนดก็ได้
กรณีเป็นผู้มีความเสี่ยงสูง และได้รับการตรวจหาเชื้อ ณ จุดตรวจ และผลการตรวจไม่พบเชื้อ ได้แก่ ในกรณีที่เจ้าพนักงานควบคุมโรคเห็นว่าบุคคลผู้เดินทางเข้าพื้นที่อำเภอเกาะสมุย เป็นผู้ที่มีความเสี่ยงสูงหรือสงสัยว่าอาจติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19)
ให้เจ้าพนักงานควบคุมโรคสั่งให้ผู้นั้นทำการตรวจหาเชื้อ ด้วยวิธี Real-time PCR (RT-PCR) หรือ COVID-19 Ag Rapid Test ก่อนเดินทางเข้าพื้นที่ ซึ่งหากผลการตรวจเชื้อ ไม่พบว่ามีการติดเชื้อ ให้สามารถเดินทางเข้าพื้นที่ได้โดยใช้มาตรการแยกตัว
ทั้งนี้ผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งนี้ เป็นความผิดตามมาตรา 18 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และอาจมีความผิดตามมาตรา 52 แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.2558
ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย. นี้ เป็นต้นไป จนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง
ข่าวเกี่ยวข้อง: