นายพิเชษฐ์ วิริยะพาหะ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร เปิดเผยว่า ได้รับรายงานด่วนที่สุดจากหัวหน้าด่านตรวจพืชหนองคาย ซึ่งเป็นหน่วยงานด่านตรวจพืชในส่วนภูมิภาคของกรมวิชาการเกษตร ว่า ได้รับแจ้งจากพลเมืองดีจะมีการนำพืชสงวนของไทยส่งออกนอกราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต จึงได้ประสานขอความร่วมมือกับหน่วยงานด่านบูรณาการสะพานมิตรภาพข้ามพรมแดนสนธิกำลังเข้าตรวจค้นรถบรรทุกสิบล้อซึ่งจอดอยู่ริมถนนบริเวณทางรถไฟ สถานีรถไฟหนองคาย ใกล้สะพานมิตรภาพข้ามพรมแดน
จากการตรวจค้นพบมีต้นกล้าพันธุ์ไม้จำนวนมาก โดยพบพันธุ์ไม้สงวน คือ ต้นพันธุ์ทุเรียน จำนวน 1,100 ต้น ต้นพันธุ์มะพร้าว จำนวน 224 ต้น ต้นพันธุ์ลิ้นจี่ จำนวน 120 ต้น และต้นพันธุ์ส้มโอ จำนวน 11 ต้น รวมจำนวน 1,455 ต้น คิดเป็นมูลค่าประมาณ 150,000 บาท จึงแจ้งข้อหาให้ผู้ต้องสงสัยทราบว่าเป็นการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติพันธุ์พืช พ.ศ.2518 มาตรา 30 ฐานพยายามส่งออกพืชสงวนของไทย
โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากรัฐมนตรี ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 4,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ โดยได้นำส่งผู้ต้องสงสัยให้พนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรเมืองหนองคายเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย ต่อไป และได้ยึดของกลางที่เป็นพืชสงวนทั้งหมด 4 รายการ ไว้ในความดูแลของด่านตรวจพืชหนองคายจนกว่าจะดำเนินคดีแล้วเสร็จจึงจะสั่งทำลายตามกฎหมายต่อไป
“การจับกุมครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกของการลักลอบส่งออกพืชสงวนของไทยผ่านช่องทางด่านสะพานมิตรภาพข้ามพรมแดน โดยที่มิได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากรัฐมนตรี ซึ่งจะอนุญาตให้ส่งออกพืชชสงวนได้เฉพาะเพื่อประโยชน์ในการทดลอง หรือวิจัยในทางวิชาการเท่านั้น"
"พืชสงวน" ตามประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีด้วยกันทั้งหมด 11 ชนิด คือ ทุเรียน องุ่น ลิ้นจี่ มะพร้าว มะขาม ส้มโอ ลำไย ทองเครือ กวาวเครือ สละ และสับปะรด ซึ่งหากมีการลักลอบส่งออกพืชสงวนเหล่านี้ไปแพร่ขยายพันธุ์ต่อในประเทศอื่นๆ จะส่งผลกระทบต่อเกษตรกรของประเทศไทย ดังนั้นหากผู้ใดทราบเบาะแสการกระทำผิดดังกล่าวสามารถแจ้งได้ที่ด่านตรวจพืชของกรมวิชาการเกษตรทั่วประเทศ” อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าว